(Home with God) บทที่ 18
“เป็นความตั้งใจของเธอที่จะรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่ผ่านประสบการณ์ของเธอ ไม่ใช่รู้จักตัวเองเพียงบางส่วน”
บทที่ 18
N: ผมขอถามคำถามพระองค์ตรง ๆ นะครับ เรื่องนี้จะเป็นเรื่องเฉพาะเจาะจงมากขึ้นในชีวิตหลังความตาย
G: ได้สิ
N: หากเราเป็นแก่นแท้อันเป็นนิรันดร์ (Eternal Essence) ที่กำลังเคลื่อนผ่านภาวะเอกฐานที่เราเรียกว่าช่องว่างหรือเวลา ในวัฏจักรของตนเองที่ต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุดผ่านตนเอง แล้วเราจะได้มีประสบการณ์ชีวิตอันเป็นนิรันดร์กับพระเจ้าตามที่พระองค์สัญญาไว้ได้ยังไงครับ?
G: เป็นคำถามที่ดี
N: แล้วคำตอบคืออะไรครับ?
G: วัฏจักรของตนเองที่ต่อเนื่องกันที่เธออธิบาย คือชีวิตอันเป็นนิรันดร์กับฉันตามที่ฉันได้อธิบายไป เธอกำลังมีประสบการณ์ถึง “ชีวิตอันเป็นนิรันดร์กับพระเจ้า” อยู่ในขณะนี้
N: แล้วบทบาทของความตายในเรื่องนี้คืออะไรครับ? พระองค์กำลังบอกว่านี่คือสวรรค์เหรอครับ? วัฏจักรที่ต่อเนื่องและไม่มีที่สิ้นสุดนี้ดีพอที่เราสมควรได้รับแล้วเหรอครับ? เราจะไม่ได้มีประสบการณ์ถึง “การเป็นหนึ่งเดียว” กับพระองค์ตามที่เราคุยกันก่อนหน้านี้? แล้วช่วงเวลาแห่งความสุขอันบริสุทธิ์ที่เหล่าผู้วิเศษได้สรรเสริญเมื่อวิญญาณปัจเจกได้รวมตัวกับสิ่งอันเป็นทั้งหมดอีกครั้ง จะเป็นอย่างไร?
G: ก่อนที่การสนทนาของเราจะจบลง ช่วงเวลานั้นฉันจะอธิบายให้เธอฟัง ความอยากรู้อยากเห็นของเธอจะดับลง สำหรับคำถามอื่น ๆ ของเธอ การเคลื่อนไหวของวิญญาณปัจเจกผ่านภาวะภาวะเอกฐานนั้นไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะดำเนินต่อไปในวัฏจักรอย่างที่ได้อธิบายไว้
N: วัฏจักรนั้นเกิดขึ้นตามลำดับ - เพราะคำนิยามของวัฏจักรคือสิ่งที่เป็นลำดับต่อเนื่อง ใช่มั้ยครับ? - และวัฏจักรเหล่านี้ก็เกิดขึ้นในขณะเดียวกันด้วย
G: ถูกต้อง ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้นพร้อมกัน แต่ “ดูเหมือน” เกิดขึ้นตามลำดับ
เธอใช้สิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” เป็นวิธีการทำเครื่องหมายจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของลำดับเหล่านี้ และเพื่อเติมเต็มตัวตนของเธอระหว่างสิ่งเหล่านี้ “ความตาย” คือการเปลี่ยนแปลงของพลังงานที่สร้างความผันผวนอย่างมากในอัตราและความถี่ของการสั่นสะเทือนของตัวเธอ มันจะขับเคลื่อนเธอไปมาระหว่างสิ่งที่เธอเรียกว่าชีวิตทางร่างกายและวิญญาณ
อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องมี “ความตาย” เพื่อให้เธอเคลื่อนผ่านความต่อเนื่องบนช่องว่างหรือเวลาและมีประสบการณ์กับตัวเองในระดับที่แตกต่างกัน
N: ความตายไม่จำเป็นเหรอครับ?
G: ไม่จำเป็นถ้าเธอนิยาม “ความตาย” ว่าเป็นการละทิ้งร่างกาย เธออาจมีประสบการณ์อย่างเต็มที่ในตัวตนทางวิญญาณของเธอในขณะที่ยังคงอยู่กับร่างกายของเธอ ไม่จำเป็นต้องละทิ้งร่างกายไปเพื่อมีประสบการณ์กับสิ่งนั้น และเธออาจมีประสบการณ์ที่สมบูรณ์ของตัวตนทางกายภาพของเธอในขณะที่เดินทางอยู่ในมิติวิญญาณ
N: ผมสามารถพาร่างกายของผมเข้าสู่มิติวิญญาณได้ไหมครับ?
G: ได้แน่นอน
N: แล้วทำไมผมถึงไม่ทำแบบนั้นไปตลอดเลย ทำไมผมถึง “ตาย” ล่ะครับ?
G: การคงสภาพอยู่ด้วยร่างกายเดียวไปตลอดจะไม่เป็นไปตามจุดประสงค์ของตัวตนอันเป็นนิรันดร์
N: ไม่เหรอครับ?
G: ไม่
N: ทำไมถึงไม่ล่ะครับ?
G: เพราะจุดประสงค์ของความเป็นนิรันดร์คือ เพื่อให้เธอมีขอบเขตบริบทของการไร้กาลเวลา เพื่อให้เธอได้รับประสบการณ์ที่ไม่รู้จบ และความหลากหลายที่ไร้ขอบเขตในการแสดงออกว่าเธอเป็นใคร
เธอจะไม่ปลูกดอกไม้เพียงดอกเดียวในสวนของเธอ แม้ดอกไม้จะสวยงามเพียงใด มีกลิ่นหอมเพียงใดก็ตาม การแสดงออกอันหลากหลายซึ่งเป็นการสร้างสรรค์ที่เธอเรียกว่า “ดอกไม้” นั้นได้รับอนุญาตให้ออกดอกได้เต็มที่
มันเป็นความตั้งใจของเธอที่จะรู้จักตัวเองอย่างเต็มที่ผ่านประสบการณ์ของเธอ ไม่ใช่รู้จักตัวเองเพียงบางส่วน การคงอยู่ต่อไปด้วยรูปแบบทางกายภาพเดียวตลอดชั่วนิรันดร์จะไม่ทำให้จุดประสงค์นั้นเป็นจริง
อย่างไรก็ตาม เธอไม่ต้องกังวล การเปลี่ยนแปลงรูปแบบไม่จำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ของการสูญเสีย เพราะเธอสามารถกลับสู่รูปแบบใด ๆ และเมื่อใดก็ได้ที่เธอต้องการ
N: ผมสามารถกลับมาเป็นตัวผมก่อนหน้านี้ได้เหรอครับ?
G: ใช่ และเธอมักทำเพื่อที่จะได้มีประสบการณ์กับการแสดงออกเฉพาะของเธอในรูปแบบใหม่และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
สิ่งนี้มีอธิบายไว้ในศาสนาของเธอว่าเป็นการกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู แม้ว่าพวกเธอหลายคนเคยจินตนาการว่าสิ่งนี้สามารถและจะเกิดขึ้นได้กับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ความจริงก็คือเธอแต่ละคนอาจประสบกับตัวเองในฐานะพระเยซูได้ และที่จริงแล้ว พวกเธอทุกคนล้วนมีศักยภาพที่จะทำสิ่งนั้นได้ตลอดเวลา
เธอสามารถโอบรับการเป็นบุตรของเธอได้ทุกเมื่อ และทำเช่นนั้นในเวลาที่เธอตระหนักรู้ว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นใคร แล้วเธอจะเบ่งบานเต็มที่ในสวนแห่งชีวิต นี่คือสวนสวรรค์ที่เธอเขียนไว้ในตำนานของเธอ
ดังนั้น เธอจึงเคลื่อนผ่านวัฏจักรของชีวิต
วัฏจักรเหล่านี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันสำหรับวิญญาณปัจเจกจำนวนมากที่ประกอบด้วยภาวะเอกฐานซึ่งเป็นวิญญาณเดียว
เธออาจเคลื่อนที่ผ่านช่องว่างหรือเวลาได้หลายที่ และอย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ เธออาจเคลื่อนที่ผ่านตำแหน่งเดียวกัน ไปที่ “อุโมงค์เวลา” เดียวกันได้มากกว่า 1 ครั้ง
N: ใช่ และพระองค์ก็ทำให้ผมหัวหมุนในครั้งสุดท้ายที่พระองค์พูดแบบนี้ ตอนนี้ผมหัวหมุนอีกแล้วครับ
G: ก็ได้ ฉันคิดว่าคำพูดต่าง ๆ กำลังทำให้เราล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มาดูกันว่าภาพในจิตใจจะช่วยให้เธอเข้าใจถึงสิ่งที่เรากำลังพูดถึงได้หรือไม่
ฉันกำลังจะสร้างอุปมา นี่เป็นคำอุปมาที่เธออาจใช้ตลอดชีวิต ดังนั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจว่านี่ไม่ใช่ความจริงตามตัวอักษร นี่เป็นการอุปมา นี่ไม่ใช่สิ่งที่เป็น แต่เป็นการอุปมา การอุปมาอุปไมยจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อฉันไม่สามารถอธิบาย “สิ่งต่าง ๆ” ให้เธอเข้าใจได้ด้วยคำศัพท์ที่เธอเข้าใจ - หรือเมื่อไม่มีคำใด ๆ ที่ใช้อธิบาย
การอุปมาเปรียบเหมือนนิทานสอนใจ มันสามารถช่วยให้เธอเข้าใจในสิ่งที่เข้าใจได้ยาก นั่นคือเหตุผลที่ครูผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนใช้มัน
N: ถ้างั้นเรามาเรียกสิ่งนี้ว่า “การอุปมาอันน่ามหัศจรรย์” กันเถอะครับ
G: ดี ตกลงตามนั้น
ตอนนี้...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น