(Home with God) บทที่ 5
“ไม่ว่าเธอจะไปทางไหน เธอจะไม่สามารถล้มเหลวในการกลับบ้านได้”
บทที่ 5
N: ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ดีแล้วก็ดีที่จะบอกผู้คนในเรื่องนี้ครับ แต่คำพังเพยล้าสมัย อย่าง “คำตอบอยู่ในตัวคุณ” ได้รับการพูดถึงอยู่บ่อยมากจนกระทั่งในตอนนี้ มันเป็นแค่การออกมาจาก คำว่า “พลังอยู่กับคุณ”
G: ฉันมาที่นี่เพื่อบอกเธอว่า ทุกสิ่งที่เธอจำเป็นต้องรู้ เธอรู้ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว ที่จริงเธอมาที่นี่เพื่อแสดงออกถึงสิ่งนั้น
N: สิ่งที่พระองค์พูดเป็นเพียง...ไม่รู้สิครับ...แต่มันไม่ได้เชื่อมโยงกับประสบการณ์จริงของพวกเราเลย ผมจะเชื่อได้อย่างไรว่าทุกคำตอบอยู่ในตัวผมเองและเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิดเพราะผมได้สัมผัสกับสิ่งที่ต้องเรียนรู้มากมาย
G: เธอไม่มีอะไรที่จะต้องเรียนรู้ เธอแค่ต้องจดจำไว้เท่านั้น ชีวิตเป็นกระบวนการของการเติบโต การเติบโตเป็นหลักฐานของการเป็นอยู่และการแสดงออกของพระเจ้า ทุกชีวิตดำเนินไปด้วยวิธีนี้
ลองพิจารณาต้นไม้ที่อยู่นอกหน้าต่างของเธอ มันไม่รู้อะไรเมื่อมันสูงสิบห้าฟุตและปกคลุมเธอด้วยร่มอันมหึมาของมันไปมากกว่าตอนที่มันยังเป็นเมล็ดเล็ก ๆ ข้อมูลทั้งหมดที่จำเป็นเพื่อที่จะกลายเป็นสิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนั้นมีอยู่ในเมล็ดพันธุ์ของมันอยู่แล้ว มันไม่ต้องเรียนรู้อะไรเลย มันแค่เพียงเติบโต และเพื่อที่จะเติบโต มันจำเป็นต้องใช้ข้อมูลที่ถูกล็อกอยู่ในหน่วยความจำของมัน
เธอเองก็ไม่ต่างจากต้นไม้นั่น
ฉันไม่ได้เคยพูดหรือว่า “ก่อนที่เธอจะถาม ฉันได้ตอบเธอไปแล้ว”
N: ใช่ครับ ใช่ แต่...ผมต้องถามอีกครั้ง...แล้วประเด็นของการสนทนานี้คืออะไร? ทำไมการพูดคุยกับทุกคนเกี่ยวกับสิ่งใดก็ตามถึงไม่ได้น้อยไปกว่าการอธิษฐานหรือพูดคุยกับพระเจ้าด้วยล่ะครับ?
G: แม้แต่ต้นไม้ก็ต้องการแสงแดดเพื่อกระตุ้นการเติบโตของมัน
ทุกชีวิตเชื่อมโยงกัน ไม่มีด้านใด ๆ หรือแต่ละสิ่งใด ๆ ของทั้งหมดที่ทำหน้าที่เป็นอิสระจากด้านอื่น ๆ หรือสิ่งอื่น ๆ ชีวิตสร้างปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง เรากำลังสร้างผลลัพธ์ร่วมกัน ไม่มีวิธีอื่นใดที่เราสามารถสร้างได้
การสนทนาของเธอกับผู้อื่นและข้อมูลทั้งหมดที่มาถึงเธอจากโลกภายนอกของเธอ ก็เหมือนกับรังสีจากดวงอาทิตย์ พวกมันทำให้เมล็ดพันธุ์ในตัวเธอเติบโต
มีหลายสิ่งที่มีอยู่ในโลกภายนอกของเธอที่สามารถนำเธอไปสู่ทิศทางของความจริงภายในตัวเธอได้ แม้กระทั่งผู้คน สถานที่ สิ่งของ และเหตุการณ์ก็เป็นเพียงเครื่องเตือนใจเท่านั้น พวกมันเป็นเหมือนป้ายบอกทาง
นั่นคือความจริงที่เกี่ยวกับ “โลกภายนอก” โลกทางกายภาพได้รับการออกแบบมาพร้อมกับบริบทเพื่อให้เธอได้มีประสบการณ์ภายนอกจากสิ่งที่เธอรู้อยู่ภายใน
N: ดังนั้นผมจึงได้รับประโยชน์จากโลกรอบ ๆ ตัวผมที่แสดงออกมาอย่างที่มันทำ
G: มนุษย์ทุกคนทำ นั่นคือเหตุผลที่ฉันพูดว่าเมื่อเธอมองไปยังโลกและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ “จงอย่าตัดสินและอย่ากล่าวโทษมันเลย”
ให้เราใช้ต้นไม้เป็นเพื่อนในการสนทนาในส่วนนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้เราพบความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ขอให้เราจินตนาการว่า เธอได้เดินออกจากที่โล่งและเดินลึกเข้าไปในป่า เธอไม่เคยเดินลึกเข้าไปในป่ามาก่อนและเธอรู้ว่าเธอน่าจะมีปัญหาเล็กน้อยในการหาตำแหน่งที่โล่งแจ้งอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงทำเครื่องหมายไว้ที่ต้นไม้ในขณะที่เธอไป
เมื่อเธอออกจากป่า เธอจะเห็นเครื่องหมายเหล่านี้และเธอจำได้ว่าเธอทำเครื่องหมายไว้ที่นั่นเพื่อที่เธอจะสามารถหาทางออกได้
เครื่องหมายเหล่านี้คือสิ่งภายนอกสำหรับตัวเธอเอง ท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะพาเธอกลับบ้าน แต่ตัวมันเองไม่ใช่ “บ้าน” เครื่องหมายจะแสดงเส้นทางที่เธอคุ้นเคย เธอจดจำได้ นั่นคือเธอ “จดจำ” มันได้อีกครั้งหรือ “รู้มันอีกครั้ง” แต่หนทางไม่ใช่จุดหมายปลายทาง มีเพียงเธอท่านั้นที่จะนำพาตัวเองไปสู่จุดหมายได้
คนอื่น ๆ สามารถนำเธอไปสู่เส้นทางได้ คนอื่น ๆ สามารถชี้ทางให้ทางให้เธอเห็นได้ แต่เธอเท่านั้นที่จะพาตัวเองไปสู่จุดหมายได้ มีเพียงเธอเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจที่จะกลับบ้านกับพระเจ้า
โลกภายนอกของเธอคือเส้นทาง มีไว้เพื่อนำเธอกลับบ้าน อันที่จริงเหตุการณ์ทั้งหมดในโลกภายนอกของเธอมีจุดประสงค์เพื่อให้เป็นเช่นนั้น นั่นคือเหตุผลที่เธอวางพวกมันไว้ที่นั่น
N: พวกมันก็คือเครื่องหมายบนต้นไม้
G: ใช่แล้ว
N: แต่ถ้าผมวางทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในโลกภายนอกของผมลงไปในสถานที่ ผมก็จะสามารถนำตัวเองกลับเข้าสู่ความจริงภายในตัวผมได้ – นี่คือสิ่งที่พระองค์กำลังบอกผมอยู่ใช่ไหมครับ?
G: ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังบอกเธอ เธอพูดถูกแล้ว
N: ถ้าผมได้ทำอย่างนั้น นั่นก็คือ ผมได้วางหนังสือเล่มนี้ไว้ในมือของผมเอง
G: แม่นแล้ว
N: ผม “เป็นต้นเหตุให้” ข้อความเหล่านี้เข้ามาหาผม เหมือนกับที่มันมาถึงผมในตอนนี้ มันคือป้ายบอกทาง เป็นเครื่องหมายของต้นไม้
G: ตอนนี้เธอกำลังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจน มันเป็นเช่นนั้นแน่นอน
N: แต่ถ้าทุกอย่างในโลกภายนอกของผมเป็นป้ายบอกทาง ผมจะรู้ได้อย่างไรล่ะครับว่าส่วนไหนของมันคือส่วนที่สำคัญ? เหมือนกับการเดินไปตามถนน และเมื่อมาถึงสี่แยกก็จะเห็นป้ายทั้งหมดชี้ไปในทิศทางต่าง ๆ แต่ทุกป้ายบอกเหมือนกันหมดว่า “นี่คือทางกลับบ้าน”
G: ตอนนี้เธอกำลังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนจริง ๆ
N: พระองค์ว่าอะไรนะครับ?
G: ฉันกำลังบอกว่าไม่ว่าเธอจะไปทางไหน เธอจะไม่มีทางล้มเหลวในการกลับบ้านได้
N: ถ้าอย่างนั้นก็ไม่สำคัญว่าผมจะเดินไปทางไหน
G: ไม่
N: มันไม่สำคัญว่าผมจะเดินไปทางไหนเหรอครับ?
G: ไม่อย่างแน่นอน
N: แล้วทำไมผมต้องกังวลกับการใช้เส้นทางเพียงเส้นทางเดียวมากกว่าการใช้เส้นทางอื่นด้วย? ถ้าทุกเส้นทางพาผมกลับบ้านได้เหมือนกัน แต่ละเส้นทางที่ผมใช้มันแตกต่างกันอย่างไรครับ?
G: บางเส้นทางนั้นลำบากน้อยกว่า
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น