(Home with God) บทที่ 6

 


ความทรงจำที่สี่


“ไม่ว่าเธอจะทำอะไร อย่าเชื่อสิ่งที่กล่าวไว้ที่นี่”

 

บทที่ 6

 

 N: อ่า! นั่นแสดงว่ามีบางเส้นทางดีกว่าเส้นทางอื่น

 

 G: “เหนื่อยน้อยกว่า” เป็นคำอธิบายที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วน “ดีกว่า” คือการตัดสิน ซึ่งเป็นข้อสังเกตที่จะนำเราไปสู่…

 

ความทรงจำที่สี่


“ไม่มีเส้นทางกลับบ้านใดดีกว่าเส้นทางอื่น ๆ”

 

 N: พระองค์แน่ใจหรือครับ? ได้โปรด พระเจ้า ได้โปรดครับ ผมต้องการให้พระองค์มั่นใจในเรื่องนี้ เกือบทุกศาสนาบนโลกบอกตรงกันข้ามกับสิ่งนี้

 

 G: ฉันจะพูดกับเธออีกครั้งเพื่อที่จะได้ไม่ขาดความชัดเจน ไม่มีเส้นทางกลับบ้านใดที่ดีไปกว่าเส้นทางอื่น ๆ

 

 เส้นทางทั้งหมดพาเธอไปที่นั่น เพราะทุกสิ่งที่นำพาไปที่นั่นคือความปรารถนาที่แท้จริง คือหัวใจที่บริสุทธิ์และเปิดกว้าง และความศรัทธา ซึ่งพระเจ้าไม่มีเหตุผลที่จะพูดว่า “ไม่ เธออาจไม่ได้อยู่กับฉัน” กับบุคคลใด ๆ สำหรับเหตุผลใด ๆ อย่างน้อยก็เพราะพวกเขาเชื่อในพระเจ้าที่ไม่มีเหตุผลที่จะพูดว่า “ไม่ เธออาจไม่ได้อยู่กับฉัน” กับบุคคลใด ๆ ด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่างน้อยที่สุดก็เพราะพวกเขาเพียงแค่เชื่อในพระเจ้าในวิธีการที่แตกต่างกัน 

  ศาสนาที่แท้จริงทั้งหมดนั้นยอดเยี่ยม และคำสอนทางจิตวิญญาณที่แท้จริงทั้งหมดเป็นเส้นทางสู่พระเจ้า และไม่มีศาสนาใด ศาสนาหนึ่ง และไม่มีคำสอนใดที่ “ถูกต้อง” มากไปกว่าศาสนาอื่น มีทางขึ้นไปบนยอดเขามากกว่าหนึ่งทาง

 

 ศาสนาถูกสร้างขึ้นโดยวัฒนธรรมของมนุษย์เพื่อช่วยเหลือผู้ที่เกิดมาในวัฒนธรรมเหล่านั้น ในการรับรู้และเข้าใจว่ามีแหล่งที่ให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ในเวลาที่ต้องการความเข้มแข็ง ในช่วงเวลาแห่งความท้าทาย ให้ความชัดเจนในช่วงเวลาแห่งความสับสน และให้ความเห็นอกเห็นใจในช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด

 

 ศาสนายังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการตระหนักรู้โดยสัญชาตญาณของมนุษยชาติว่าพิธีกรรม ประเพณีพิธีการ และขนบธรรมเนียมมีคุณค่ามหาศาลในฐานะเครื่องหมายที่ยืนยันการมีอยู่ของผู้คนในโลก และเป็นเหมือนความมั่นคงที่แสดงออกมาโดยยึดวัฒนธรรมของผู้คนไว้ด้วยกัน

 

 แต่ละวัฒนธรรมมีประเพณีที่สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ที่ให้ความเคารพความจริงอันสวยงามและความจริงที่เป็นศูนย์กลาง: นั่นคือ มีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญกว่าในชีวิตมากกว่าความปรารถนาของตัวเอง หรือแม้แต่ความต้องการของตัวเอง; นั่นคือ ชีวิตนั้นเป็นประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมายมากกว่าที่หลาย ๆ คนคิดไว้ในตอนแรก; และนั่นคือ ความรัก ความห่วงใยซึ่งกันและกัน การให้อภัย และความคิดสร้างสรรค์ และความสนุกสนาน และการร่วมมือกันในความพยายามร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกัน ซึ่งจะพบกับความพึงพอใจที่ลึกซึ้งที่สุด และความสุขที่มหัศจรรย์ที่สุดของการพบกันของมนุษย์

 

  ดังนั้น พวกเธอแต่ละคนมีเส้นทางที่มาหาฉันเป็นเส้นทางของเธอเอง เดินทางกลับบ้านด้วยตัวเอง อย่ากังวลหรือตัดสินว่าคนอื่นจะทำอย่างไร เธอไม่สามารถล้มเหลวในการกลับมาหาฉันได้ และพวกเขาก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แน่นอนว่าเธอทุกคนจะได้พบกันอีกครั้งเมื่ออยู่ด้วยกันที่บ้าน และเธอจะสงสัยว่าทำไมเธอถึงพูดคลุมเครือแบบนั้น 

 

 N: โอ้ พวกเราถกเถียงกันไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ? เราถกเถียงกันไม่รู้จบ เราถกเถียงกัน เราต่อสู้และเราฆ่ากัน เราได้เสียชีวิตลงเพราะเรายืนยันว่าวิธีของเราเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่ในความเป็นจริงพวกเราอยู่ในเส้นทางเดียวกัน ซึ่งนั่นคือทางสู่สวรรค์

 

 G: ใช่ พวกเธอทำอย่างนั้น 

 

 N: แต่ตอนนี้พระองค์กลับมาบอกกับพวกเราว่า “ไม่มีเส้นทางไหนดีไปกว่าเส้นทางอื่น” และผมก็ถามด้วยความสุภาพว่า ผมจะเชื่อเรื่องนี้ได้อย่างไร? ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าผมควรเชื่ออะไร?

 

 G: ไม่ว่าเธอจะทำอะไร “จงอย่าเชื่อสิ่งที่กล่าวไว้ที่นี่”

 

 N: ขอโทษนะครับ? 

 

 G: อย่าเชื่อแม้สิ่งเดียวที่ฉันพูด ฟังสิ่งที่ฉันพูดแล้วเชื่อในสิ่งที่หัวใจของเธอบอกว่าเป็นความจริง เพราะมันอยู่ในหัวใจของเธอที่ซึ่งปัญญาของเธอตั้งอยู่ และในหัวใจของเธอที่ความจริงของเธออาศัยอยู่ และในหัวใจของเธอเองก็บอกเธอว่าเป็นความจริง ในหัวใจที่ซึ่งพระเจ้าทรงสถิตอยู่ในการสนทนาอย่างใกล้ชิดที่สุดกับเธอ

 

 ฉันขอเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น

 

 N: ขออะไรหรือครับ?

 

 G: โปรดอย่าสับสนระหว่างสิ่งที่อยู่ในหัวใจกับสิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอ สิ่งที่อยู่ในความคิดของเธอถูกคนอื่นใส่ไว้ที่นั่น สิ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอคือสิ่งที่เธอพกติดตัวอยู่ซึ่งเป็นของฉัน


 แต่เธอสามารถปิดใจกับฉันได้ หลาย ๆ คนก็ทำเช่นนี้ และก็มีอีกหลายคนที่ปิดกั้นความคิดของตนเอง 


 โปรดอย่าบอกคนอื่นว่า หาก “พวกเขา” ไม่เชื่อสิ่งที่อยู่ในความคิดของ “เธอ” ฉันจะประณามพวกเขา


 และสุดท้ายไม่ว่าเธอจะทำอะไร อย่าประณามพวกเขาด้วยตัวของเธอเองในนามของฉัน


 N: พวกเรากำลังทำแบบนั้นไปเรื่อย ๆ ครับ ดูเหมือนว่าพวกเราไม่รู้ว่าจะหยุดมันได้อย่างไร พวกเรากำลังพาตัวเองผ่านไปยังนรก

 

 G: นี่คือข่าวดีในตอนนี้: มนุษยชาติไม่จำเป็นต้องผ่านนรกเพื่อไปสวรรค์

 

 N: เราไม่จำเป็นต้องเดินเข้าไปในป่าที่สับสนซึ่งเราต้องทำเครื่องหมายบนต้นไม้เอาไว้เพื่อหาทางออก เราสามารถเดินไปรอบ ๆ พวกมันได้

 

 G: ถูกต้อง

 

 N: ไม่ว่าไม้จากริมถนนเหล่านั้นจะดูสวยงามและน่าดึงดูดแค่ไหน ผมก็ไม่จำเป็นต้องก้าวเข้าไปในดงไม้ ไม่ต้องหลงทางแล้วพยายามหาทางกลับออกไป

 

 G: ใช่ เธอไม่ต้องทำเช่นนั้น 


 N: ทุกวันผมสัญญากับตัวเองว่าผมจะอยู่บนเส้นทาง แต่ทุก ๆ วันผมถูกล่อลวงโดยชีวิตให้จมอยู่กับ “ละคร” ทุกรูปแบบซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ผมเป็นหรือที่ที่ผมกำลังจะไป นั่นหมายถึงว่าผมกลับมาอยู่ในป่าอีกครัง

 

 G: แล้วเธอก็ยังไม่ได้ออกจากป่า

 

 N: ผมรู้ครับ ผมมักจะได้ยินคำพูดของโรเบิร์ต ฟรอสต์อยู่ในหัวของผม ผมเคยได้ยินมันมาก่อน แต่ตอนนี้ผมกลับได้ยินในรูปแบบใหม่

 

 พงไพร งามปลื้ม               มืดครื้ม ลึกล้ำ

 สัญญา ชี้นำ                    ข้าฯมุ่ง จุดหมาย

 เดินทาง อีกไกล                หลายไมล์ มากมาย

 ก่อนจะทอดกาย                สนิท นิทรา

 (Cr. คำแปลจาก https://pantip.com/topic/36531083)


 

 The woods are lovely, dark and deep. 

 But I have promises to keep. 

 And miles to go before I sleep. 

 And miles to go before I sleep.

 (ต้นฉบับ: Stopping By Woods On A Snowy Evening - Robert Frost)


 G: ถ้าอย่างนั้นจงมากับฉันเดี๋ยวนี้ ให้เราเดินทางร่วมกันในการกำจัดอุปสรรคให้หมดสิ้นไป เพื่อในที่สุดเธอจะสามารถออกจากป่าได้

 

 N: ตกลงครับ สรุปก็คือ ในการเดินทาง ผมพบว่าตัวเองอยู่ในป่า ผมได้เดินเข้าไปในป่าอันมืดมิดของความขัดแย้งและความสับสนของตัวผมเอง และตอนนี้ผมต้องการ “กลับบ้าน” จริง ๆ แต่เส้นทางที่สั้นที่สุดไม่ใช่เส้นทางที่ดีกว่าใช่ไหมครับ ผมหมายความว่า ไม่ใช่ว่าสั้นกว่า คือ “ดีกว่า” หรือครับ? และเส้นทางที่สั้นที่สุดคืออะไรครับ?

 

 G: เพื่อที่จะตอบคำถามนี้เราต้องนิยามว่า “บ้าน” หมายถึงอะไรกันแน่ นี่คือ “บ้าน” ที่ผู้คนต้องการจะกลับมาใช่หรือไม่?

 

 คนส่วนใหญ่คิดว่าการ “กลับบ้าน” หมายถึงการกลับไปหาพระเจ้า แต่เธอไม่สามารถกลับไปหาพระเจ้าได้เพราะเธอไม่เคยทิ้งพระเจ้า และวิญญาณของเธอก็รู้เรื่องนี้

 

 เธออาจไม่รู้เรื่องนี้ในระดับจิตสำนึก แต่วิญญาณของเธอรู้เรื่องนี้

 

 N: แต่ถ้าวิญญาณของผมรู้ว่าผมไม่จำเป็นต้องกลับไปหาพระเจ้าเพราะผมไม่เคยทิ้งพระเจ้า แล้ววิญญาณของผมกำลังพยายามทำอะไรอยู่ครับ? อะไรคือจุดมุ่งหมายของชีวิตบนโลกจากมุมมองของวิญญาณ?


  G: ฉันบอกเธอได้สี่คำ

 

 จิตวิญญาณของเธอแสวงหาประสบการณ์ในสิ่งที่มันรู้

 

 วิญญาณของเธอรู้ว่าเธอไม่เคยทิ้งพระเจ้าและกำลังแสวงหาประสบการณ์นั้น

 

 ชีวิตคือกระบวนการที่วิญญาณเปลี่ยนการรู้ให้เป็นประสบการณ์และเมื่อสิ่งที่เธอเคยรู้และมีประสบการณ์กลายเป็นความจริงที่รู้สึกได้ กระบวนการนั้นก็เสร็จสมบูรณ์

 

 “บ้าน” จะกลายเป็นสถานที่ที่เรียกว่าการเสร็จสิ้นสมบูรณ์

 

 มันคือการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ว่าเธอเป็นใครผ่านการรู้ที่สมบูรณ์และประสบการณ์ที่สมบูรณ์และความรู้สึกที่สมบูรณ์ของสิ่งนั้น มันคือจุดสิ้นสุดของการแยกระหว่างเธอกับพระเจ้า

 

 การแยกจากกันนี้เป็นเพียงภาพลวงตาและวิญญาณของเธอก็รู้เรื่องนี้ การเสร็จสิ้นสมบูรณ์จึงสามารถนิยามได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่การแยกจากกันสิ้นสุดลง เป็นช่วงเวลาแห่งการรวมตัวของเธอกับพระเจ้า 

 

 N: นี่ไม่ใช่การรวมตัวกันจริง ๆ เพราะผมไม่เคยไม่รวมเป็นหนึ่งเดียว แต่มันเป็นเหมือนการรวมตัวกันใหม่ถ้าผมลืมเรื่องนี้ไปแล้ว

 

 G: ถูกต้อง ในช่วงเวลาแห่งการกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง สิ่งที่เกิดขึ้นคือเธอจำได้ว่าเธอเป็นใครจริง ๆและมีประสบการณ์ถึงสิ่งนั้น

 

 N: ถ้าอย่างนั้นในแง่หนึ่งมันก็คือการ “กลับไปหาพระเจ้า” แต่ในเชิงอุปมาอุปไมยเท่านั้น ถ้าตามตัวอักษรมันคือการกลับไปสู่การตระหนักรู้ถึงความจริงที่ว่าคุณไม่เคยจากไป และความจริงที่ว่าคุณและพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน

 

 G: ใช่แล้ว! และการกลับมาตระหนักรู้คือกระบวนการที่มีสองขั้น การตระหนักรู้ทำได้โดยการรู้และมีประสบการณ์ ซึ่งจะก่อให้เกิดความรู้สึก

 

 การตระหนักรู้คือความรู้สึกของสิ่งที่เธอรู้และมีประสบการณ์

 

 มันเป็นสิ่งหนึ่งเพื่อที่จะต้องรู้ถึงบางสิ่ง มันเป็นอีกสิ่งหนึ่งเพื่อจะได้มีประสบการณ์ถึงมัน และยังเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะรู้สึกได้ถึงมัน

 

 ความรู้สึกเพียงอย่างเดียวก่อให้เกิดการตระหนักรู้ได้อย่างเต็มที่ การรู้เพียงอย่างเดียวก่อให้เกิดการตระหนักรู้ได้เพียงบางส่วน ประสบการณ์เพียงอย่างเดียวก่อให้เกิดการตระหนักรู้ได้เพียงบางส่วน

 

 เธอสามารถรู้ได้ว่าเธอเป็นพระเจ้า เมื่อเธอได้มีประสบการณ์ถึงความเป็นพระเจ้าแล้ว การตระหนักรู้ของเธอจะสมบูรณ์ผ่านการดำรงอยู่ของความรู้สึกนั้น

 

 เธอสามารถรู้ว่าเธอเป็นแง่มุมใด ๆ ของพระเจ้าก็ได้ เช่น เธอมีความเห็นอกเห็นใจ แต่เมื่อเธอมีประสบการณ์กับความเห็นอกเห็นใจของตนเอง การตระหนักรู้ของเธอจะสมบูรณ์ผ่านการดำรงอยู่ของความรู้สึกนั้น

 

 เธอสามารถรู้ได้ว่าเธอเป็นคนใจกว้าง แต่เมื่อเธอมีประสบการณ์ว่าตนเองเป็นคนใจกว้าง การตระหนักรู้ของเธอจะสมบูรณ์ผ่านการดำรงอยู่ของความรู้สึกนั้น

 

 เธอสามารถรู้ได้ว่าเธอกำลังรัก แต่เมื่อเธอมีประสบการณ์ว่าตนเองกำลังมีความรัก การตระหนักรู้ของเธอจะสมบูรณ์ผ่านการดำรงอยู่ของความรู้สึกนั้น

 

 N: หลายครั้งที่ผมเคยพูดว่า “วันนี้ผมรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง” และตอนนี้ผมก็เข้าใจแล้วว่ามันเกี่ยวกับอะไร

 

 G: เมื่อเธอไม่ “รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง” ไม่ใช่เพราะเธอไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร แต่มันเป็นเพราะเธอไม่ได้มีประสบการณ์กับมัน เธอต้องเพิ่มประสบการณ์ในการรู้เพื่อสร้างความรู้สึก

 

 ความรู้สึกเป็นภาษาของวิญญาณ การตระหนักรู้ในตนเองเกิดขึ้นได้จากความรู้สึกที่สมบูรณ์ของตนเองว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใคร


 เนื่องจากการตระหนักรู้เป็นกระบวนการสองขั้น มันจึงมีสองเส้นทางที่จะไปถึง วิญญาณเข้าสู่การรู้ที่สมบูรณ์ตามเส้นทางของโลกแห่งจิตวิญญาณ และเข้าสู่ประสบการณ์ที่สมบูรณ์ตามเส้นทางของโลกทางกายภาพ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีทั้งสองเส้นทาง และนั่นคือเหตุผลที่มีสองโลก รวมมันเข้าด้วยกัน และเธอจะมีสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบเพื่อสร้างความรู้สึกที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะก่อให้เกิดการตระหนักรู้ที่สมบูรณ์

 

 บ้านจึงกลายเป็นสถานที่ที่เรียกว่า “การเสร็จสิ้นสมบูรณ์”

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

(Home with God) บทที่ 13

(Home with God) บทที่ 18

(Home with God) บทที่ 17