(Home with God) บทที่ 7
“ทุกดวงวิญญาณพบกับความสงบหลังความตาย แต่ไม่ใช่ทุกดวงวิญญาณจะพบกับความสงบก่อนหน้านั้น”
บทที่ 7
N: นั่นเป็นคำอธิบายที่ยอดเยี่ยมและครอบคลุมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในประสบการณ์ที่เราเรียกว่า ชีวิตเลยครับ
G: เราใกล้จะสำเร็จแล้ว ความลึกลับอันลึกซึ้งที่สุดของความตายกำลังจะถูกเปิดเผยออกมาในไม่ช้า บทสนทนานี้เพิ่งเริ่มสัมผัสเพียงผิว ๆ เท่านั้น
ตอนนี้มาตรวจสอบคำถามสุดท้ายของเธอให้ลึกซึ้งมากขึ้นกันเถอะ
เธอถามว่าเส้นทางที่สั้นที่สุดไม่ใช่เส้นทางที่ดีที่สุดในการกลับบ้านใช่ไหม คำตอบคือไม่จำเป็น เส้นทางที่ทำให้เธอได้รับประโยชน์สูงสุดคือเส้นทางที่นำเธอไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะใช้เวลานานเพียงใด
ช่วงเวลาแห่งการตระหนักรู้อย่างแท้จริงคือ การรู้และมีประสบการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ว่าแท้จริงแล้วเธอคือใคร มันจะอยู่ในขั้นตอน และแต่ละช่วงชีวิตก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขั้นตอนเหล่านั้น
ไม่มีดวงวิญญาณใดเกิดการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์ภายในช่วงชีวิตเดียว การตระหนักรู้เป็นผลมาจากการสะสมการเดินทางมาอย่างเนิ่นนานตลอดวงจรชีวิต ก่อให้เกิดสิ่งที่อาจเรียกว่า “การเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์แบบ” หรือ “การตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์”
แต่ละการเดินทางจะสิ้นสุดลงเมื่อวาระหรือภารกิจของการเดินทางนั้น ๆ เสร็จสิ้นแล้ว
ชีวิตนี้สิ้นสุดลงเมื่อเธอเสร็จสิ้นในการทำสิ่งที่เธอมาที่นี่เพื่อมีประสบการณ์กับโลกแห่งกายภาพณ เวลานี้เสร็จสมบูรณ์
จากนั้นเธอก็จะเพิ่มสิ่งที่เธอทำที่นี่ลงในสิ่งที่เธอทำสำเร็จในการเดินทางอื่น ๆ ผ่านกาลเวลา จนกระทั่งท้ายที่สุดเธอก็ “มีทุกอย่างเข้าด้วยกัน” และบรรลุผลสำเร็จในการตระหนักรู้อย่างสมบูรณ์โดยแท้จริง
N: ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า มีสองระดับของการเสร็จสิ้นสมบูรณ์ ระดับที่หนึ่งคือเมื่อคุณทำในแต่ละขั้นตอนของกระบวนการโดยรวมเสร็จสมบูรณ์ ระดับที่สองคือเมื่อคุณทำกระบวนการโดยรวมเสร็จสมบูรณ์
G: ใช่ และกระบวนการโดยรวมจะเสร็จสมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อเธอรู้ว่าตนเองเป็นใครอย่างสมบูรณ์ มีประสบการณ์อย่างสมบูรณ์ และมีความรู้สึกอย่างสมบูรณ์
N: นี่เป็นคำอธิบายที่งดงามและผมก็ “เข้าใจ” มันครับ วิญญาณมายังโลกเพื่อทำสิ่งที่เฉพาะเจาะจงให้สำเร็จและได้มีประสบการณ์ถึงมัน วิญญาณบางดวงอาจใช้เวลานานกว่าจะสำเร็จ แต่เมื่อพวกเขาเสร็จสมบูรณ์แล้ว ก็ถึงเวลาที่เราจะต้องชื่นชมยินดีเพราะงานของพวกเขาที่นี่เสร็จสิ้นแล้ว
G: เธอเข้าใจแล้ว เยี่ยมมาก! ถูกต้อง!
N: และ “สั้นกว่า” ก็ไม่จำเป็นต้อง “ดีกว่า” วัตถุประสงค์คือการทำให้เสร็จสมบูรณ์ ไม่ใช่การทำให้ “เร็ว”
G: ใช่
N: ยอดเยี่ยมมากครับ ตอนนี้ผมรู้สึกดีกับตัวเองเพราะผมไม่คิดว่าผมทำสำเร็จแล้ว ตอนนี้ผมก็เข้าสู่ทศวรรษที่หกแล้ว – สิ่งที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อทำให้สำเร็จ
G: แล้วสิ่งนั้นคืออะไร?
N: ผมไม่แน่ใจครับ
G: นั่นจะทำให้สำเร็จได้ยากมาก
N: ผมรู้ครับ นั่นคือส่วนหนึ่งในปัญหาของผม
G: บางทีเราควรพูดถึงเรื่องนี้
N: ผมแน่ใจว่าผมจะได้รับประโยชน์จากการพูดถึงเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ผมไม่อยากสับสนครับ พระองค์บอกว่าแม้ว่าอาจจะไม่จำเป็นต้อง “ดีกว่า” แต่เส้นทางกลับบ้านบางเส้นทางก็ลำบากน้อยกว่าเส้นทางอื่น ๆ ผมรู้สึกทึ่งกับมัน
G: มันง่ายกว่าที่จะใช้เส้นทางที่มีอุปสรรคน้อย
N: ครับ แล้วผมจะค้นพบเส้นทางนั้นได้อย่างไร?
G: เธอไม่ได้ค้นพบ เธอสร้างมันขึ้นมา
N: ยังไงนะครับ?
G: เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ ด้วยการมุ่งมั่นที่จะเดินไปตามทาง เธอจึงทำให้สิ่งต่าง ๆ ง่ายขึ้น มีหลายคนกำลังเดินทางผ่านชีวิตโดยไม่คิดว่าจะอยู่บนเส้นทางนี้ พวกเขาไม่ได้ศึกษา พวกเขาไม่ได้อธิษฐาน พวกเขาไม่ได้นั่งสมาธิ พวกเขาไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ กับชีวิตภายในของพวกเขาเลยหรือไม่ได้สำรวจความเป็นจริงที่ใหญ่กว่านี้อย่างจริงจัง แต่ตอนนี้เธอกำลังทำอยู่ โดยอาศัยความจริงที่ว่าเธอกำลังดำเนินการสำรวจสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ที่นี่ นั่นคือเธอกำลังมีการสนทนานี้อยู่ – เธอกำลังสร้างเส้นทางที่มีอุปสรรคน้อยลง
สิ่งที่ฉันพูดหมายถึง ไม่ว่าเธอจะใช้เส้นทางที่คดเคี้ยวหรือทางตรงผ่านป่าหรือเดินผ่านป่า เมื่อเธอได้รับความจริงเกี่ยวกับชีวิต ความเป็นอยู่ และความตาย เธอจะสามารถกำจัดอุปสรรคและสร้างเส้นทางสู่การเสร็จสิ้นสมบูรณ์อย่างยากลำบากน้อยลงได้
เมื่อเธอรู้เกี่ยวกับความตายอย่างเต็มที่แล้ว เธอก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ จากนั้นเธอจะได้มีประสบการณ์ถึงตัวตนของเธออย่างเต็มที่ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอมาที่นี่เพื่อทำ จากนั้นเธอจะตายอย่างสง่างามและซาบซึ้งโดยรู้อย่างมีสติว่าเธอเสร็จสมบูรณ์แล้ว นั่นเป็นหนทางที่ลำบากน้อยกว่ามากและทำให้เกิดการตายอย่างสงบ
N: บางอย่างเหมือนเป็นการการตัดสินสำหรับผมเลยครับ พระองค์พูดเหมือนเชิงบังคับว่า “ถ้าคุณไม่ตายดี แสดงว่าคุณไม่ทำให้มันถูกต้อง” อะไรทำนองนั้น
G: เธอกำลังให้คำตัดสินซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ฉันไม่มีวันทำ ไม่มีทางที่เธอจะตายอย่าง “ผิด” และไม่มีทางที่เธอจะไปไม่ถึงจุดหมาย นั่นคือการกลับมารวมตัวกันอย่างมีความสุขกับพระเจ้าซึ่งเป็นแก่นกลางของการดำรงอยู่ของเธอ ไม่มีทางที่จะไม่กลับบ้านกับพระเจ้า
เรากำลังพูดถึงวิธีที่จะทำให้ชีวิตและความตายของเธอลำบากน้อยลงและสงบสุขมากขึ้น ข้อความที่เธออ้างถึงนั้นเป็นการสังเกตไม่ใช่การตัดสิน หากเธอเคลื่อนไปสู่การเสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้อย่างง่ายดายพร้อมด้วยการที่เธอเข้ามาสู่ร่างกายเพื่อมีประสบการณ์ และตายอย่างสง่างามและซาบซึ้ง เธอจะพบกับความสงบสุขก่อนที่เธอจะตายแทนที่จะเป็นหลังจากนั้น
ทุกดวงวิญญาณพบกับความสงบสุขหลังความตาย แต่ไม่ใช่ทุกดวงวิญญาณจะพบความสงบสุขก่อนหน้านั้น
เมื่อเธอตาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ แต่ก็เป็นไปได้ที่เธอจะไม่ตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้อย่างมีสติ “ความสงบ” คือการตระหนักรู้ว่าเธอเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ไม่มีอะไรให้เธอทำอีกแล้ว เธอทำเสร็จแล้ว จบแล้ว และสามารถกลับบ้านได้
ถ้าเธอเข้าใกล้ความตายด้วยความหวาดกลัว ตื่นเต้นและตัวสั่น ไม่อยากปล่อยวางมันไป ไม่รู้สึกว่ามันจบแล้วหรือรู้สึกกลัวในสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปในชีวิต หรือสิ่งที่กำลังจะมาถึง เธอก็จะไปถึงจุดหมายของเธอเช่นกัน เธอไม่สามารถพลาดที่จะไปถึงที่นั่นได้
N: แต่มันจะ “ลำบาก” มากกว่าแค่นั้นเอง
G: แค่นั้นเอง
มาทำสิ่งหนึ่งให้ชัดเจนที่นี่อีกครั้งกันเถอะ เธอมักจะจมอยู่กับพระเจ้า เธอจมอยู่กับมันในขณะนี้ แน่นอนเธอคือมัน เธอเป็นพระเจ้าที่จมอยู่ในความศักดิ์สิทธิ์ แสดงตนเป็นแง่หนึ่งของพระเจ้าที่รู้จักกันในนามของ “เธอ”
ดังนั้นตามความหมายที่แท้จริงแล้ว เธอไม่ได้อยู่ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน เธออยู่ที่นั่นแล้ว เธออยู่บ้านกับพระเจ้าเสมอ
เธออยู่ในที่ที่เธออยากจะอยู่แล้ว ความลับที่ไม่ธรรมดาก็คือ การรู้สิ่งนี้จะทำให้เธอได้รับประสบการณ์นี้ในทันที
N: ตอนนี้ผมรู้สึกราวกับว่าเรากำลังวนเป็นวงกลมอยู่ที่นี่ ในบทสนทนานี้ ผมรู้สึกราวกับว่าผมกำลังเดินละเมอและไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
G: ไม่ใช่แค่ในการสนทนานี้ แต่ในชีวิตของเธอด้วย
เมื่อเธอมีชีวิตอยู่ หรือเมื่อเธอตายด้วยความกลัวและความกังวลใจ ร้อนรนและตัวสั่น ไม่อยากปล่อยวาง กลัวสิ่งที่เป็นอยู่ในชีวิตของเธอหรือสิ่งที่กำลังจะมาถึง เธอกำลังแสดงให้เห็นว่าเธอไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และปัญหาของเรื่องนี้ก็คือ สิ่งที่เธอแสดงออกและสิ่งที่เธอประสบ
ถ้าเคยเป็นมาแล้วก็จะเป็นเช่นนั้น
ดังนั้นเธอจะไม่ประสบว่าเธอเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า เธอจะไม่ประสบว่าเธอกลับบ้านกับพระเจ้า แม้ว่าเธอจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วก็ตาม
N: เชื่อไหมครับว่าผมกำลังพยายามทำความเข้าใจ พระองค์กำลังไปอย่างรวดเร็วและซับซ้อนมาก
G: ดี ตามฉันมาให้ทัน ติดตามต่อไป เธอรู้ทั้งหมดนี้แล้ว ฉันเป็นเพียงการเตือนเธอ
เธอไม่ได้อยู่ในทางเดินไปสู่พระเจ้า แต่เธอกำลัง “อยู่” ท่ามกลางกระบวนการอันเป็นนิรันดร์ซึ่งเธอจะได้มีประสบการณ์กับความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอก้าวผ่านมันไป เธอกำลังประสบกับแก่นแท้ของการดำรงอยู่ของเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ แก่นแท้ของตัวเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อชีวิตดำเนินต่อไป
เธอกำลังรวมเข้ากับแก่นแท้นั้นชั่วนิรันดร์ และในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการแห่งชีวิต เธอจะออกมาจากมันอีกครั้ง เป็นการแสดงออกที่เติมเต็มมันใหม่อีกครั้ง
กระบวนการที่เราอาจเรียกว่า “การผสานพลังงาน (energy emerging)” นี้เป็นสูตรสำเร็จสำหรับทุกชีวิต สามารถเขียนได้ว่า: e + merging
นั่นคือเหตุผลที่บางครั้งเรียกเหตุการณ์นี้ว่า “ภาวะเร่งด่วน (Emergenc-y)” ทางจิตวิญญาณ
นี่คือสิ่งที่เกี่ยวกับความตายและการตาย
ความตายเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะมันไม่เกี่ยวกับ “การตาย” เลย มันเกี่ยวกับการรวมและการเกิดขึ้นใหม่
N: พระองค์หมายความว่าผมไม่เพียงแต่จะรวมกับพระเจ้าเท่านั้น แต่ต้องออกมาจากพระเจ้าด้วยเหรอครับ?
G: ใช่
N: นี่เรากำลังพูดถึงการกลับชาติมาเกิดหรือเปล่าครับ?
G: พูดง่าย ๆ ก็อย่างนั้นแหละ
N: งั้นไปต่อเลยครับ
G: ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเข้าใจว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะอธิบายได้เพียงประโยคเดียวหรือคำเดียว ถ้าเธออดทนสักหน่อย ฉันคิดว่าเธอจะพบว่าไม่มีสิ่งใดอยู่นอกเหนือไปจากความเข้าใจของเธอ
N: สิ่งที่ผมต้องการคือการได้รับความจริงเกี่ยวกับความตายและการตาย ผมอยากรู้ “ความจริงของพระเจ้า” ครับ
G: เธอยังคิดว่าพระเจ้าแยกจากเธออยู่ใช่ไหม...
N: ผมไม่คิดอย่างนั้นจริง ๆ ครับ ผมรู้ว่าพระเจ้าและผม – พระองค์กับผม – เป็นหนึ่งเดียวกัน
G: จริงรึ?
N: ครับ ผมรู้ว่าไม่มีการแบ่งแยกระหว่างพระองค์กับผม ผมรู้ว่าผมเป็นส่วนย่อยของพระเจ้า
G: แล้วทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ? ทำไมเธอถึงบอกว่าเธออยากรู้ “ความจริงของพระเจ้า”? เธอต้องรู้ว่าความจริงของพระเจ้าอยู่ในตัวเธอสิ
N: “ความจริงของพระเจ้า” เป็นการอุปมาอุปมัยน่ะครับ
G: อ้า! ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่เธอหวังว่าจะพบจริง ๆ ก็คือความจริงของเธอ
N: ผมหวังว่าผมจะใช้บทสนทนานี้ “การอธิษฐาน” นี้เป็นวิธีนำผมกลับไปสู่คำตอบของความจริงที่อยู่ลึก ๆ ในตัวผมครับ
G: ดี ประสบการณ์นี้สามารถนำเธอไปสู่เส้นทางนั้นได้ แต่เธอต้องวางตัวเธอไว้กับมัน ตามที่ฉันได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฉันแสดงทางกลับบ้านให้เธอได้ แต่เธอต้องใช้ทางนั้นกลับบ้านเอง
ฉันบอกแล้วว่าความจริงเธอไม่ได้อยู่ในระหว่างการเดินทาง เธออยู่ในที่ที่เธออยากไปแล้ว แต่เนื่องจากเธอไม่ทราบเรื่องนี้ ประสบการณ์ของเธอจึงเป็นการที่เธอ“อยู่” ในระหว่างการเดินทาง
ดังนั้นเธอต้องเดินทางเพื่อค้นพบว่าการเดินทางนั้นไม่จำเป็น เธอต้องเริ่มต้นในเส้นทางเพื่อค้นพบว่าเส้นทางนั้นเริ่มต้นและสิ้นสุดในจุดที่เธออยู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น