(Home with God) บทที่ 12

 


“มีคนบอกว่าการมองเห็นคือความเชื่อ

แต่ฉันกำลังบอกเธอว่าความเชื่อคือการมองเห็น”

 

บทที่ 12

 

 N: โอเคครับ เราวนกลับมาอีกครั้ง พระองค์บอกว่าผมมาที่นี่พร้อมกับสิ่งที่ต้องทำ ผมเข้าใจถูกไหมครับ? แล้วเมื่อผมทำสำเร็จแล้วผมก็พร้อมที่จะออกไปจากที่นี่ ใช่ไหมครับ? 

 

 G: ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องทำ มันคือสิ่งที่เธอเลือกที่จะมีประสบการณ์ 


 ถ้าเธอและพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน เธอไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย ทุกการตัดสินใจเกิดขึ้นจากเจตจำนงเสรี ทุกทางเลือกจะแสดงให้เธอเห็น

 

 เธอเข้ามาสู่ร่างกายเพื่อที่จะมีประสบการณ์ในแง่มุมของตัวเอง อย่างที่เราได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ อาจเป็นได้ว่าแง่มุมนี้ของเธอคือการมีประสบการณ์ผ่านบางสิ่งที่เธอทำ นั่นคือ ผ่านกิจกรรมทางร่างกาย หรือผ่านวิธีการบางอย่างที่เธอเป็นอยู่ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ

 

 N: ผมต้องการตัวอย่างเพื่อให้เข้าใจได้ชัดเจนขึ้นครับ


  G: ดี ในการสนทนานี้เราได้พูดถึงสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” และ “การตาย” อยู่บ่อยครั้ง สมมติว่าเธอกำลังนั่งอยู่เงียบ ๆ ในงานศพ เธอไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ ยกเว้นนั่งอยู่ที่นั่น เธอแทบจะไม่เคลื่อนไหวเลย แต่เธอกำลังเป็นบางสิ่งอยู่ ใช่หรือไม่? 

 

 บางทีเธออาจกำลังเศร้า หรือบางทีเธอกำลังมีความสุขอยู่ภายใน เธอสามารถเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าเธอมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างไร -  ในกรณีนี้ เธอมองเห็นสิ่งต่าง ๆ อย่างไร - ในกรณีนี้ เธอจะมองเห็น “ความตาย” อย่างไร  


 N: มุมมองของผมจะสร้างการรับรู้

 

 G: ใช่ และนี่คือวิธีที่เธอใช้สร้างสิ่งที่เธอเป็น ถ้าเธอกำลังเศร้าก็เป็นเพราะวิธีที่เธอมองสิ่งต่าง ๆ แต่ถ้าเธอรู้สึกเบิกบานใจในพิธีศพนั้นก็เพราะเหตุผลเดียวกัน วิธีที่เธอมองสิ่งต่าง ๆ คือสิ่งที่เธอเลือก นี่คือ “ทางเลือกเสรี” ที่จะกำหนดว่าเธอเป็นใครและใครที่เธอต้องการจะเป็น และเธอต้องการมีประสบการณ์ของตัวเองอย่างไร 


 เธอสามารถเปลี่ยนมุมมองของเธอได้ในทุกสถานการณ์โดยเปลี่ยนความคิดของเธอเกี่ยวกับวิธีที่เธอต้องการที่จะ “มองมัน” เธอสามารถตัดสินใจว่าเธอต้องการมองเห็นอะไร จากนั้นก็วางมันไว้ที่นั่น แล้วเธอก็จะพบมันอยู่ที่นั่น 

 

 N: นั่นคือคำอธิบาย

 

 G: ใช่ เป็นคำอธิบายที่ทรงพลังอย่างมาก – เว้นแต่จะไม่ เธอรู้หรือเปล่าว่าใครเป็นผู้ตัดสิน? 


 N: ผมเองครับ

 

 G: ใช่ เธอคือผู้ตัดสิน ถูกต้องแล้ว เธอจะตัดสินว่านั่นคือคำอธิบายที่ทรงพลังหรือไม่โดยใช้วิธีที่เธอมองมัน ดังนั้น ผลกระทบจึงเคลื่อนที่เป็นวงกลม สิ่งที่เธอเห็นคือสิ่งที่เธอได้รับ และสิ่งที่เธอได้รับคือสิ่งที่เธอเห็น 


 เธอเห็นมั้ย?

 

 N: พระองค์ฉลาดมากเลยครับ 


 G: เชื่อมั้ยล่ะว่ามีอะไรมากกว่าการเล่นสำบัดสำนวนของฉัน


 N: โอ้ ผมรู้ครับ การเล่นสำบัดสำนวนของพระองค์ชี้ให้เห็นถึงความจริงอันยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเสมอ


  G: ฉันดีใจที่เธอชอบการเล่นคำ มันจะมีประโยชน์ในภายหลัง 

 N: กลับมาที่ตัวอย่างของเรากันครับ วิธีหนึ่งที่ผมจะมีความเบิกบานในใจเมื่อใกล้จะถึงงานศพของผม ผมต้องเข้าใจว่าการที่ผมตายเป็นเพราะผมเลือกที่จะตาย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับผม ผมเป็นต้นเหตุในระดับหนึ่ง รวมถึงความตายและจังหวะของการตายด้วย  


 G: ใช่ นั่นคือสิ่งที่ฉันกำลังพูดที่นี่ ความเข้าใจนี้จะทำให้เธอสงบสุขในเวลาที่เธอเสียชีวิต การรู้ว่าเธอและพระเจ้าเป็นหนึ่งเดียวกัน และเธอกำลังตัดสินใจร่วมกัน สามารถนำเธอไปสู่ที่ที่สงบเงียบได้

 

 N: แต่ความคิดนั้นทำให้มนุษยชาติเชื่อในจักรวาลที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในจักรวาลของเรา คนส่วนใหญ่ที่เชื่อในพระเจ้าจะคิดถึงแต่พระเจ้า ไม่ใช่ตัวพวกเขาเองที่เป็นสาเหตุแรก เขาเชื่อว่าพระเจ้าเป็นสาเหตุของความตายอย่างแน่นอน พวกเขาตายก็ต่อเมื่อพระเจ้าตัดสินใจที่จะ “เรียกพวกเขากลับบ้าน” 

 

 G: พวกเขาตายเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะกลับบ้าน


 N: พระองค์กำลังขอให้ผมเชื่อในจักรวาลที่ผมเป็นต้นเหตุของประสบการณ์ของตัวเอง


 G: นั่นคือจักรวาลที่เธออาศัยอยู่ 


 N: มันไม่ได้ปรากฏออกมาในรูปแบบนั้นเลยครับ 

 

 G: และจะไม่ปรากฏออกมาในรูปแบบนั้นจนกว่าเธอจะเปลี่ยนมุมมอง ไม่มีสิ่งใดที่ปรากฏขึ้นที่เธอไม่สามารถมองเห็นได้ 


 N: ครับ นั่นถือเป็นปัญญาสำหรับพระองค์ 

 

 G: ปัญญานั้นมีมากกว่าที่เธอรู้ มีคนบอกว่าการมองเห็นคือความเชื่อ แต่ฉันกำลังจะบอกเธอว่าความเชื่อคือการมองเห็น

 

 N: ผมชอบคำพังเพยสมัยเก่าครับ เหมือนที่พระองค์ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ 

 G: และฉันจะพูดอีกครั้ง จนกว่าเธอจะเข้าใจ”

 

 N: โอเคครับ สรุปก็คือ ไม่มีใครตาย “ก่อนถึงเวลาของเขา” พระองค์พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดังนั้นผมเดาว่าผมต้องยอมรับไม่ก็ปฏิเสธความคิดเหล่านี้ทั้งหมด ผมจะยอมรับว่ามันเป็นเรื่องจริงครับ แม้ว่ามันจะยากสำหรับผมที่จะยอมรับ 


 G: บอกฉันทีว่าทำไมมันถึงยากนักที่จะยอมรับ

 

 N: ผมเดาว่าผมยังยึดติดกับความคิดนั้นอยู่...ดูสิครับ ผมได้ยินสิ่งที่พระองค์พูดมาทั้งหมด แต่...ผมเดาว่ายังมีส่วนนึงที่ผมยึดติดกับความคิดที่ว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับเรานั้นเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น ซึ่งนั่นก็คือ “สิ่งที่เกิดขึ้น” กับเรา ไม่ได้สร้างขึ้นมาในตัวเรา แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ดังนั้นจึงไม่มีใครตายโดยที่เขาไม่ได้เลือกที่จะตาย


 G: ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ไม่เลือก” ทุกอย่างถูกเลือกไว้แล้ว


 N: ครับ โอเคครับ ผมเข้าใจ ผมคิดว่าพระองค์คงต้องพูดเรื่องนี้ซ้ำแล้วซ้ำแล้ว เพราะมันขัดกับทุกสิ่งที่มนุษยชาติเคยบอก และผมต้องบอกอะไรบางอย่างกับพระองค์ครับ ในขณะที่ผมกำลังเขียนข้อความอยู่นี้ ในขณะที่เรากำลังมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ซึ่งผมคาดว่ามันจะเป็นการสนทนาที่ยาวมาก “ตัวชีวิต (Life Itself)” พยายามทำให้ผมเข้าใจมากขึ้นว่าสิ่งที่พระองค์พูดนั้นเป็นความจริง ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ผมหมายถึง ชีวิตของผมเอง ชีวิตประจำวันของผมกำลังทำให้ผมเชื่อเรื่องนี้ และมันก็กำลังทำเช่นนั้นอยู่ในขณะนี้ 


 G: บอกฉันเกี่ยวกับเรื่องนั้น

 

 N: มันเป็นไปได้ไหมที่จะเกิดความ “บังเอิญ” ในขณะที่เรากำลังมีการแลกเปลี่ยนกันข้างต้น ผมได้หยุดพักจากการเขียนเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และเพื่อเปลี่ยนจังหวะ ผมจึงตัดสินใจที่จะเปิดอีเมล เพียงเพื่อที่จะหาจดหมายจากผู้อ่าน? 


 ผู้ที่เขียนจดหมายหาผมชื่อ แจ็กกี้ ปีเตอร์สัน (เปลี่ยนชื่อเพื่อปกป้องตัวตนของบุคคลนี้) เขียนถึงผมว่าเธอเพิ่งสูญเสียคู่หมั้นของเธอไปเมื่อสองเดือนก่อนจากอาการหัวใจวายครั้งใหญ่ เธอเสียใจมาก เพราะคู่หมั้นของเธอเคยเป็นคนที่มีสุขภาพดี เขาผ่านการตรวจร่างกายอยู่เสมอ

 

 เธอกล่าวถึงหนังสือสนทนากับพระเจ้า ซึ่งเธอได้อ่านถึงข้อความที่ว่า เราเลือกสถานการณ์ชีวิตบนโลกของเราเอง เธอจึงสงสัยว่า: เธอเลือกสถานการณ์นี้สำหรับตัวเอง - หรือสถานการณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของคู่หมั้นของเธอใช่หรือไม่?

 

 G: แล้วเธอได้ตอบจดหมายนั้นหรือเปล่า


 N: แน่นอนครับ หลังจากที่ผมรู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่งที่มัน “ปรากฏขึ้น” มาในเวลาเช่นนี้ ผมก็พยายามตอบคำถามอย่างเต็มที่ ผมตอบตามการสนทนาที่เรามีอยู่ตอนนี้


 G: เอาล่ะ มาดูกันว่าเธอตอบคำถามอย่างไร มาดูกันว่าเธอเขียนอะไร 


 N: นี่คือคำตอบของผม


  แจ็กกี้ที่รักของผม

 

 โปรดฟังผมที่ส่วนลึกในจิตวิญญาณของคุณเมื่อผมบอกคุณว่าผมเสียใจที่สิ่งนี้เกิดขึ้นในชีวิตของคุณ ผมไม่ต้องการให้ “คำตอบง่าย ๆ” กับคุณที่นี่ ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างฟังดูง่าย และทำให้คุณสงสัยว่าทำไมสิ่งนี้ถึงเป็นปัญหา...

 

 แจ็กกี้ นี่คือปัญหา ความเศร้าโศกครั้งใหญ่ คุณมีสิทธิ์ทุกอย่างที่จะรู้สึกในแบบที่คุณรู้สึก ทั้งโกรธ เศร้า สับสน หงุดหงิด และการค้นหาถึงคำตอบของมัน

 

 สิ่งแรกที่ผมต้องการจะแนะนำคือ คุณควรปล่อยให้ตัวเองมีความรู้สึกทั้งหมดโดยไม่ต้องพยายามควบคุมหรือจำกัดมันในทุกระดับ แค่มีความรู้สึกของคุณและปล่อยให้มันเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกขณะ

 

 เป็นเรื่องน่าทึ่งที่คุณนำเสนอคำถามนี้ให้กับผมในวันนี้ เพราะตอนนี้ผมเพิ่งจะนำเสนอหนังสือบทสนทนากับพระเจ้าเล่มต่อไปที่ชื่อว่า Home with God in a Life That Never Ends และในหนังสือเล่มนั้น ผมเพิ่งสำรวจความคิดของวิญญาณที่เลือกว่าจะออกจากร่างและกลับบ้านเมื่อใด

 

 และใช่ มันเป็นความจริงที่ในหนังสือเล่มล่าสุดของบทสนทนากับพระเจ้า เช่นเดียวกับหนังสือเล่มอื่น ๆ ทั้งหมด พระเจ้ากำลังบอกเราว่าไม่มีใครตายในเวลาหรือในลักษณะที่เขาไม่ได้เลือกเอง และพระเจ้ายังบอกชัดเจนว่านี่อาจไม่ใช่ทางเลือกที่มีสติ แต่อาจเป็นทางเลือกในระดับของการตระหนักรู้ซึ่งมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่เข้าถึงได้

 

 หากเป็นกรณีนี้ ก็หมายความว่าคู่หมั้นของคุณไม่ได้เลือกที่จะตายในระดับที่มีสติสัมปชัญญะ ในระดับนั้น การตายของเขาอาจทำให้เขาประหลาดใจพอ ๆ กับที่คุณเป็น ผมสงสัยว่ามันเป็นเช่นนั้น ผมไม่เชื่อว่าคู่หมั้นของคุณตั้งใจจะทิ้งคุณ

 

 มันเป็นความจริงในการตระหนักรู้ของผมที่ว่าบางครั้งวิญญาณก็เลือกสิ่งต่าง ๆ ในระดับจิตใต้สำนึกหรือระดับจิตเหนือสำนึก ซึ่งไม่ได้เป็นการเลือกในระดับจิตสำนึก มันทำสิ่งนี้เพื่อให้บรรลุถึงวาระที่ยิ่งใหญ่กว่า และการตายมักจะอยู่ในหมวดหมู่นี้เสมอ น้อยคนนักที่จะเลือกว่าตนเองจะตายเมื่อไร ที่ไหน และอย่างไรอย่างมีสติ ผมเชื่อว่าพระเยซูและพระพุทธเจ้าได้ทำเช่นนั้น และผมเชื่อว่าวิญญาณของคนอื่นก็ได้ทำเช่นนั้น แต่ผมเชื่อว่าสถานการณ์นี้หายากมาก

 

 ดังนั้น พยายามอย่าโกรธคู่หมั้นของคุณมากเกินไป แต่ให้ตัวเองแสดงความโกรธต่อสถานการณ์ที่พรากเขาไปจากคุณ เช่นเดียวกับที่คุณได้เริ่มสนุกกับชีวิตร่วมกัน ผมเข้าใจอย่างลึกซึ้งและซาบซึ้งว่าคุณเสียใจเพียงใด และอย่างที่ผมได้พูดไป คุณมีสิทธิ์ที่จะเสียใจ

 

 ในแง่ของความเข้าใจทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่หนึ่งในเป้าหมายของวิญญาณของคู่หมั้นของคุณ คือการได้มีประสบการณ์ถึงตัวเองในการมีคู่ครองที่สมบูรณ์แบบ (Perfect Union) และมีความสัมพันธ์ที่น่าอัศจรรย์ (Wonderful Relationship) หลังจากพยายามหลายครั้งในชีวิตนี้และพยายามหลายครั้งในชาติก่อนเช่นกัน ผมเชื่อว่าคู่หมั้นของคุณเป็นของขวัญสำหรับคุณ และคุณก็เป็นของขวัญที่พิเศษยิ่งกว่าสำหรับเขา คุณคือสิ่งที่เขาเองก็ตามหาเช่นกัน

 

 ผมเชื่อว่าคุณเข้ามาในชีวิตของเขาโดยเป็นส่วนหนึ่งของ “สัญญา” หรือ “ข้อตกลง” ซึ่งทำให้เขาได้มีประสบการณ์ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา เขารู้สึกเป็น “ตัวเอง” กับคุณมากกว่ากับใคร ๆ ที่เขาเคยอยู่ด้วย ไม่เพียงแต่ในช่วงชีวิตนี้ แต่บางทีในหลายๆ ชาติอีกด้วย

 

 แจ็กกี้ ทั้งหมดนี้อาจจะยากไปหน่อยในระดับมนุษย์ ดังนั้นผมจะขอให้คุณมองดู หากคุณสามารถ “กระโดด” ไปสู่ระดับจิตวิญญาณที่สูงมาก เพื่อทำความเข้าใจว่าผมจะพูดอะไรต่อไป ผมเชื่อว่ามันเป็นไปได้ที่คู่หมั้นของคุณนั้นเสียชีวิตลงอย่างมีความสุข

 

 คุณพูดถูก แจ็กกี้ เขาไม่เคยมีวันที่ป่วยหนักในชีวิต เขามีสุขภาพดี เขาได้รับการตรวจร่างกายเป็นประจำ ฯลฯ และไม่มีเหตุผลทางโลกที่เขาจะเสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม มันอาจมีเหตุผลทางวิญญาณ

 

 พูดอย่างง่าย ๆ คือ เขาอาจทำภารกิจทางโลกเสร็จสิ้นแล้ว ด้วยความช่วยเหลือของคุณ ด้วยความช่วยเหลือจากจิตวิญญาณที่เป็นมิตรของคุณซึ่งมีความตั้งใจที่จะให้ความช่วยเหลือครั้งสุดท้ายแก่เขาเพื่อที่เขาจะได้กลับบ้าน และก้าวไปข้างหน้าด้วยการวิวัฒน์ของเขา

 

 แจ็กกี้ คุณได้แสดงให้เห็นถึงชายที่ยอดเยี่ยมคนนี้ คุณแสดงให้เห็นว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมเพียงใด และเขาสามารถอยู่ในความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมได้ดีเพียงใด อย่างที่ผมพูด แจ็กกี้ ผมเชื่อว่าความสัมพันธ์ของคุณได้สร้างบริบทที่ทำให้เขาสามารถมีประสบการณ์กับตัวเองได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมยินดีที่จะเดิมพันว่าเขาได้บอกกับคุณเช่นนี้จริง ๆ ผมกำลังนั่งอยู่ที่นี่โดยเชื่อว่าเขาได้พูดแบบนี้กับคุณในหลาย ๆ คำพูด ซึ่งเขาไม่เคยได้มีประสบการณ์ถึงตัวเองมาก่อนในแบบที่เขาได้มีประสบการณ์ถึงตัวเองกับคุณ

 

 ดังนั้น แจ็กกี้ คู่หมั้นของคุณจึงทิ้งร่างของเขาทันที เขาเฉลิมฉลองกับสิ่งที่เขาพบเจออย่างมีความสุข และในที่สุดเขาก็ได้มีประสบการณ์ถึงความสมบูรณ์ของตัวตนที่เขาเป็น


 ความโศกเศร้าครั้งใหญ่ที่คุณถูกขอให้แบกรับนั้นเป็นส่วนหนึ่งในของขวัญทางจิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่และวิเศษที่สุดเกินจะบรรยาย ที่คุณได้รับจากชีวิตเพื่อมอบให้กับ “คนอื่น” (ซึ่งจริง ๆ แล้วเขาเพียงแค่เป็นส่วนอื่นของคุณ) ที่เป็นคนพิเศษ ซึ่งบางทีมันอาจจะทำให้คุณรู้ว่าจริง ๆ แล้ว คุณคือใคร 


 สำหรับคู่หมั้นของคุณ เขาก็มอบสมบัติให้คุณเช่นกัน (หนังสือสนทนากับพระเจ้ากล่าวว่า “ผลประโยชน์ที่แท้จริงทั้งหมดเป็นของกันและกัน”) นั่นก็คือความรู้ที่คุณสามารถให้ รับ และมีประสบการณ์ถึงความรักอันมหัศจรรย์ในร่างกายมนุษย์ได้ – ซึ่งเป็นบางสิ่งที่คุณเริ่มที่จะสงสัยก่อนที่เขาจะเข้ามาหาคุณ ความตั้งใจของเขาคือการคืนให้คุณนั่นเอง และนี่คือสิ่งที่เขาได้ทำ 


 ดังนั้น คุณจึงได้ทำสำเร็จตามจุดประสงค์อันศักดิ์สิทธิ์สำหรับความสัมพันธ์ของคุณในรูปแบบอันศักดิ์สิทธิ์และในจังหวะเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้เกิดขึ้นในเวลาอันศักดิ์สิทธิ์ (Divine Timing) (ผมแน่ใจว่าคุณรู้เพราะผมเชื่อว่าคุณทั้งคู่พูดถึงเรื่องนี้บ่อย ๆ) และการสิ้นสุดความสัมพันธ์ของคุณในเรื่องนี้ก็เป็นไปตามเวลาอันศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน แม้ว่าผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นหรือมีประสบการณ์ได้ในขณะนี้  


 ผมเชื่อว่าคุณอาจกำลังเตรียมรับวาระที่ยิ่งใหญ่กว่าในปีต่อ ๆ ไป โดยใช้ประสบการณ์นี้ในการช่วยเหลือและการรักษาคนอื่น ๆ ที่พบว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ชีวิตต่าง ๆ มากมาย ซึ่งแต่ละสถานการณ์จะท้าทายพวกเขาในระดับจิตวิญญาณ ผมเชื่อว่าคุณอาจกำลังเตรียมที่จะก้าวไปข้างหน้าในการมอบความสุขให้กับตัวเอง

 

 คนอื่น ๆ ที่คุณจะพบเจออาจเป็นคนที่สูญเสียความเชื่อในความรักไปแล้ว พวกเขาคิดว่าความสัมพันธ์ที่ถูกต้องและสมบูรณ์แบบนั้นเป็นไปไม่ได้หรือเปิดกว้างสำหรับพวกเขา พวกเขาคิดว่าควรจะลืมความคิดทั้งหมดไปเลยเหมือนเป็นการหลอกลวงที่ยิ่งใหญ่ของจักรวาล คุณจะสามารถบอกกับพวกเขาได้แตกต่างออกไป และกระตุ้นให้พวกเขาเปิดกว้างอยู่เสมอเพื่อให้เห็นถึงความเป็นไปได้

 

 คนอื่น ๆ เหล่านี้ บางคนอาจเป็นคนที่พบว่าตัวเองกำลังประสบกับความพินาศกะทันหัน ซึ่งเขาไม่เข้าใจและไม่สามารถ “มองเห็นถึงความสมบูรณ์แบบ” ได้ในทันที เขาประสบกับความสูญเสียและความเจ็บปวดเท่านั้น พวกเขาอาจถึงกับเชื่อว่าพวกเขาไม่สามารถที่จะไปต่อได้แล้ว คุณจะสามารถบอกกับพวกเขาได้แตกต่างออกไป และกระตุ้นให้พวกเขายังคงเปิดกว้างอยู่เสมอ เพื่อของขวัญอันยิ่งใหญ่ต่อไปของชีวิต และในช่วงเวลาพิเศษต่อไปของการรู้และแสดงออกถึงความคิดสูงสุดของตัวเอง การรู้และแสดงออกถึงพระเจ้า ความรัก และสิ่งที่พวกเขาเป็นจริง ๆ 

 

 แน่นอน ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาจากผม ผมสามารถ “คิดทั้งหมดนี้ขึ้นมาเองได้” แจ็กกี้และผมยอมรับสิ่งนั้น แต่ผมมักจะเห็นจุดประสงค์ที่ใหญ่กว่าและวาระที่ใหญ่กว่าในเหตุการณ์ในชีวิต ซึ่งรวมถึงเหตุการณ์ที่น่าสลดใจที่สุดในชีวิต และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในชีวิต ผมเชื่อว่าเมื่อชีวิตทางกายภาพในปัจจุบันของเราสิ้นสุดลง ทั้งหมดนี้จะชัดเจนและเบิกบานสำหรับเราในทันที และเราจะยินดีในความสมบูรณ์แบบของมัน 

 

 แจ็กกี้ ผมยังเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคู่หมั้นของคุณจะไม่มีวันจบสิ้น ความสัมพันธ์ของคุณสามารถอยู่กับคุณได้ทุกเมื่อที่คุณต้องการเรียกความรักและพลังทางจิตวิญญาณของเขาให้มาช่วยคุณในขณะที่คุณเดินทางต่อไป ในขณะที่เขาก็เดินทางต่อไปเช่นกัน

 

 ผมเชื่อว่าการเดินทางของคุณจะอยู่ด้วยกันเสมอ แม้ว่าคุณทั้งสองจะอยู่ด้วยกันมาหลายชั่วอายุคนก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณสองคนอยู่ด้วยกันในรูปแบบทางกายภาพ และผมเชื่อว่าคุณทั้งคู่ก็จดจำได้และเข้าใจสิ่งนี้ แจ็กกี้ที่รักของผม นี่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย อันที่จริงความสัมพันธ์ของคุณไม่มีวันสิ้นสุด

 

 ความสัมพันธ์ของคุณยังคงดำเนินอยู่แม้ในขณะนี้ คุณคิดว่าใครเป็นคนนำคำเหล่านี้มาให้คุณ? คุณคิดว่าเป็นผม หรือเป็นสิ่งอื่นที่กำลังพูดผ่านผมเพื่อนำข้อความนี้มาให้คุณ  

 

 แจ็กกี้ คุณเชื่อไหมล่ะว่ามันเป็นไปได้ ? เพราะคุณเห็นว่าผมทำมันอยู่

 

 แจ็กกี้ อย่าพยายามที่จะ “ไม่เสียใจ” ในช่วงเวลาของการสูญเสียนี้ ความโศกเศร้าเป็นวิธีหนึ่งในการให้เกียรติผู้อื่น ความสุขก็เช่นกัน คุณให้เกียรติจิตวิญญาณของแจ็กกี้ที่คุณรักด้วยความรู้สึกเศร้าอย่างเต็มที่ในขณะนี้ และคุณจะให้เกียรติจิตวิญญาณของแจ็กกี้ที่คุณรักด้วยความรู้สึกมีความสุขอย่างเต็มที่เช่นกันเมื่อวันและเวลานั้นมาถึง - อย่างแน่นอน

 

 แจ็กกี้ ระหว่างที่เรารอวันนั้น ผมปรารถนาให้คุณได้พบกับความสงบสุขในจิตวิญญาณของคุณ ขอให้ความสันติสุขที่เกินจะเข้าใจได้จงสถิตอยู่กับคุณณ บัดนี้และตลอดไป

 

 ผมส่งความรักถึงคุณด้วยปีกแห่งคำอธิษฐาน

 

 นีล.

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

(Home with God) บทที่ 13

(Home with God) บทที่ 18

(Home with God) บทที่ 17