(Home with God) บทที่ 15

 

“ความตายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ มันน่าตื่นเต้น น่าตื่นตาตื่นใจ และวิเศษมาก”

บทที่ 15

 N: ผมเคยได้ยินมานานแล้วครับว่าความเชื่อของผมจะส่งผลต่อชีวิตของผม ผมเดาว่าผมแค่คิดว่ากฎบางอย่างมีผลใช้บังคับหลังความตาย ดังนั้นผมจึงแปลกใจนิดหน่อยที่ได้ยินว่าแม้หลังความตาย ผมก็กำลังสร้างความเป็นจริงของตัวเองอยู่
 
 G: ถ้าอย่างนั้นฉันก็ดีใจที่เราได้คุยกัน

 N: เดี๋ยวครับ แล้วพ่อของผมล่ะ? พ่อของผมเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังความตาย ไม่มีอะไรจริง ๆ 
 
 G: หากเธอตายในที่ที่เธอเชื่อว่าไม่มีชีวิตหลังความตาย เมื่อเธอรู้ว่าเธอตายแล้ว เธอจะเข้าสู่ระยะที่สองทันที ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ว่าที่นี่ไม่มีชีวิต
 
 N: ผมจะมีประสบการณ์ถึง “การไม่มีชีวิต” ได้อย่างไรครับ?  
 
 G: เธอจะมีประสบการณ์ถึงการไม่มีอะไรเลย พูดง่าย ๆ ก็คือ เธอจะไม่มีประสบการณ์ แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ยังคงดำเนินต่อไป เธอเพียงแต่ไม่สามารถรับรู้ถึงมันได้ 
 
 มันจะเป็นเหมือนตอนนี้ถ้าเธอกำลังนอนหลับในขณะที่สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นรอบตัวเธอ
 
 N: แล้วจะไม่มีความหวังเลยเหรอครับ? พ่อของผมตายอย่างมั่นใจว่าไม่มีอะไร ไม่มีความเชื่อใด ๆ ไม่มีประสบการณ์ใด ๆ หลังจากการตาย...ดังนั้น...จึงไม่มีความหวังสำหรับเขา
 
 G: เมื่อเธอตายในจุดที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังผล็อยหลับไป เพื่อที่เธอจะได้มีประสบการณ์กับสิ่งอื่น เธอเพียงแค่ต้องตื่นขึ้น 

 N: เขาจะตื่นขึ้นได้ยังไงครับ?
 
 G: ข่าวดีก็คือทุกคนจะตื่นขึ้น เช่นเดียวกับชีวิตบนโลกนี้ เธอจะไม่หลับใหลตลอดไป ดังนั้น เช่นเดียวกัน เธอจะไม่หลงลืมและหลับใหลตลอดไปในชีวิตหลังความตาย นั่นไม่ใช่แผนการ
 
 วิญญาณจะตื่นขึ้นผ่านช่วยเหลือของผู้เป็นที่รักและเทวดา หลังจากนั้นวิญญาณก็จะสงสัยว่าที่นี่คือที่ไหน ทำไมไม่มีอะไรเกิดขึ้น เกิดอะไรขึ้น จากนั้นมันจึงเข้าใจในบางสิ่ง และในขณะนั้นวิญญาณจะเข้าสู่การรับรู้อย่างมีสติในระยะที่สองของความตาย
 
 N: แล้วมันจะเป็นยังไงกันครับ? พ่อจะมีประสบการณ์อะไรบ้าง?
 
 G: เขาจะได้รับสิ่งที่เขาเลือกที่จะมีประสบการณ์ในตอนนั้น
 
 N: สิ่งใดก็ตามที่เขาปรารถนาที่จะสร้างเหรอครับ? 
 
 G: แน่นอน แต่ถ้าเขาเกิดความสับสน ประสบการณ์อาจจะดูสับสนเล็กน้อย อาจเป็นสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วซึ่งอาจสมเหตุสมผลหรือไม่ก็ได้
 
 N: ฟังดูไม่ค่อยน่าตื่นเต้นมากเท่าไรครับ
 
 G: อย่ากังวลไป มันไม่ใช่สิ่งที่ “แย่” มันเป็นเพียงการปรับทิศทางใหม่ เหมือนกับการกดดูช่องทีวีทั้งหมดอย่างรวดเร็วด้วยรีโมท ไม่มีอะไรที่เป็นอันตรายเกิดขึ้น เธอเพียงแค่ต้องตัดสินใจว่าเธอต้องการที่จะดู “ช่อง” ไหน
 
 หากเธอเริ่มรู้สึกหนักใจเล็กน้อยและเริ่มภาวนาให้ตนเองได้รับความช่วยเหลือบ้าง เธอจะตระหนักได้ทันทีถึงบุคคลอันเป็นที่รัก เทวดา และวิญญาณที่วนเวียนอยู่รอบตัวเธอและพร้อมจะช่วยเหลือเธอ พวกเขารอให้เธอสังเกตว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น

 ไม่ว่าในกรณีใด ในไม่ช้าเธอจะเลือกรูปภาพจากรูปภาพนับพันในความคิดของเธอ และเธอจะเริ่มสร้างจากจุดนั้น 
 
 แต่ตอนนี้มันเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเธอที่จะเข้าใจว่าสถานการณ์ที่ฉันบอกเธอไปนั้นไม่มีส่วนไหนที่เกี่ยวข้องกับความจริงสูงสุด (Ultimate Reality) ซึ่งจะเป็นประสบการณ์ในระยะที่สาม สถานการณ์ที่ฉันเพิ่งอธิบายไปคือสองระยะแรก ซึ่งเป็นช่วงแรกสุดของ “ประสบการณ์หลังความตาย” ของเธอ 
 
 N: โอเคครับ ดังนั้น ในระยะแรกของ “ความตาย” สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผมจะตระหนักรู้ว่า ผมไม่ใช่ร่างกายของผมอีกต่อไป ในระยะที่สองของ “ความตาย” ผมจะก้าวผ่านทุกสิ่งที่ผมจินตนาการหรือตัดสินใจว่าจะเกิดขึ้นเมื่อผม “ตาย” แล้วในระยะที่สามล่ะครับ? พระองค์ช่วยอธิบายให้ผมฟังได้ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับผม?

 G: เธอจะรวมเข้ากับแก่นแท้ (Essence) และเริ่มมีประสบการณ์กับความจริงสูงสุด (Ultimate Reality) ซึ่งเป็นแก่นแท้ของตัวตนของเธอ
 
 N: พระองค์หมายถึง พระเจ้า เหรอครับ?

 G: เธอสามารถเรียกความจริงสูงสุดว่าอะไรก็ได้ตามที่เธอต้องการ บางคนเรียกมันว่าแก่นแท้(Essence) บางคนเรียกมันว่าอัลลอฮ์ (Allah) บางคนเรียกมันว่าสิ่งที่เป็นทั้งหมด ไม่สำคัญว่าเธอจะเรียกว่าอะไร เพราะมันคือสิ่งเดียวกัน

 N: จะเกิดอะไรขึ้นถ้านั่นคือสิ่งที่ผมคิดเสมอว่าจะเกิดขึ้น
 
 G: จะเกิดอะไรขึ้น “ถ้าอะไร” คือสิ่งที่เธอคิดเสมอว่าจะเกิดขึ้น
 
 N: จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสิ่งที่ผมคิดเสมอว่าจะเกิดขึ้นทันทีหลังจากที่ผมตายคือ การที่ผมจะรวมกับพระเจ้า ผมจะไม่มีประสบการณ์ในระยะที่สองของการตายเหรอครับ? 
 
 
 ไอเดียของเธอเกี่ยวกับสิ่งนั้นจะกลายเป็นประสบการณ์ในระยะที่สอง นั่นเป็นเพราะในระยะที่สองของความตาย เธอยังคงทำงานจากจิตใจ
 
 มันจะเป็นประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจและงดงามที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ในจินตนาการของเธอ แต่อย่างไรก็ตามในระยะสุดท้ายของความตาย เธอจะมีประสบการณ์อย่างที่มันเป็นจริง ไม่ใช่อย่างที่เธอจินตนาการว่ามันจะเป็น
 
 แต่เธอพูดถูก เธอเข้าใจมัน ถ้าสิ่งที่เธอเชื่อเสมอว่าจะเกิดขึ้นทันทีที่ตายคือเธอจะอยู่บ้านกับพระเจ้า แล้วเธอก็จะได้อยู่บ้านกับพระเจ้า
 
 นี่คือความหวังสูงสุดของโลก และมันก็เป็นความจริง
 
 N: แม่ของผมไม่ได้หวังครับ เธอรู้ แม่ของผมรู้ว่าเธอจะได้พบกับทูตสวรรค์ทั้งหมด และเธอจะได้กลับบ้าน 
 
 G: และนั่นคือสิ่งที่เธอจะมีประสบการณ์ จากนั้นเธอก็เข้าสู่ระยะต่อไปของความตาย และจินตนาการของเธอก็จะกลายเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
 
 N: เธอจะได้มีประสบการณ์กับการสถิตอยู่ของพระเจ้า พระองค์อยู่ที่นั่นเพื่อทักทายเธอเหรอครับ?
 
 G: ฉันขอบอกเธอว่า ฉันอยู่ที่นั่นเพื่อทักทายทุกคน
 
 เป็นไปไม่ได้ที่จะตายโดยปราศจากพระเจ้า ฉันจะอยู่ที่นั่นเสมอ
 
 ฉันจะโอบกอดเธอ ปลอบโยนเธอ ยินดีต้อนรับเธอ และรับรองว่าเธอนั้นสมบูรณ์แบบในแบบที่เธอเป็น และพร้อมที่จะเข้าสู่อาณาจักรสวรรค์อย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นฉันจะส่งเธอกลับไปหาดวงวิญญาณของคนที่เธอรักและทูตสวรรค์ ซึ่งจะนำทางให้เธอตลอดเส้นทางที่เหลือ นำเธอไปสู่อาณาจักรแห่งจิตวิญญาณ...หรือสิ่งที่เธอเรียกว่าสวรรค์ “ของจริง” ตรงข้ามกับ จินตนาการของเธอ เธอจะทำงานที่เธอจะไปที่นั่นเพื่อทำ 

 N: ผมต้อง “ทำงาน” ในสวรรค์เหรอครับ? 
 
 G: ไม่ต้องกังวล มันจะเป็นเหมือนการเล่น เธอจะได้เล่นในสวนแห่งทวยเทพ มันจะเป็น “สวรรค์”อย่างแท้จริง ฉันใช้คำว่า “งาน” ในแง่ของ “การทำสิ่งที่เธอตั้งใจจะทำได้สำเร็จ”
 
 N: แล้วผมจะ “ตั้งใจทำ” ในสวรรค์เพื่ออะไรกัน?
 
 G: เมื่อเราไปถึงการสำรวจดินแดนแห่งจิตวิญญาณ เราจะพิจารณาเรื่องนั้นกัน แต่ตอนนี้ให้รู้ไว้ว่า เธอจะไม่ถูกทิ้งจากการดำรงอยู่ของฉัน จนกว่าฉันจะทำและเธอได้ตอบสนอง “การไต่สวนอันศักดิ์สิทธิ์ (the Holy Inquiry)” 

 N: การไต่สวนอันศักดิ์สิทธิ์?
 
 G: ใช่ แต่ฉันจะบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ในภายหลัง นี่อาจเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในการสนทนาของเรา แต่ขั้นแรกฉันอยากปูพื้นฐานให้เธอก่อน
 
 N: โอเคครับ...แต่ตอนนี้มันมีสองอย่างแล้วที่พระองค์บอกว่ามันค่อนข้างสำคัญที่จะพูดถึงในภายหลัง ก่อนหน้านี้พระองค์บอกว่าพระองค์มีคำตอบสำหรับคำถามที่อาจทำให้ผมประหลาดใจ พระองค์บอกว่าพระองค์อยาก “ปูพื้นฐาน” ก่อน ตอนนี้พระองค์กำลังบอกผมว่าพระองค์กำลังจะเปิดเผยให้ผมรู้ว่า “การไต่สวนอันศักดิ์สิทธิ์” คืออะไร แต่หลังจากที่พระองค์บอกว่าอยากจะปูพื้นฐานก่อน มันทำให้ผมรู้สึกสนใจจริง ๆ
 
 G: ความตายเป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจ มันน่าตื่นเต้น น่าตื่นตาตื่นใจ และวิเศษมาก
 
 N: ถ้าพระเจ้าอยู่ที่นั่นเพื่อทักทายแม่ของผม ช่วยบอกผมหน่อยสิครับว่าพระเจ้าหน้าตาเป็นยังไง? ผมหมายถึง เมื่อผมพบพระองค์ผมจะได้จำพระองค์ได้ 
 
 G: เธออยากให้ฉันหน้าตาเป็นยังไงล่ะ
 
 N: ผมจะทำให้พระองค์ดูเหมือนอะไรก็ได้ตามที่ผมอยากให้พระองค์ดูเหมือนเหรอครับ? 
 
 G: ใช่ เช่นเดียวกับทุกสิ่ง เธอจะได้รับในสิ่งที่เธอเลือก ใช่ ใช่ และใช่อีกครั้ง
 
 ถ้าเธอเลือกให้ฉันดูเหมือนโมเสส ฉันจะเป็นเหมือนโมเสส ถ้าเธอคาดหวังให้ฉันดูเหมือนพระเยซู ฉันจะดูเหมือนพระเยซู ถ้าเธออยากให้ฉันเหมือนมูฮัมหมัด ฉันก็จะเป็นเหมือนมูฮัมหมัด ฉันจะใช้รูปแบบใด ๆ ที่เธอคาดหวังหรือรูปแบบที่จะทำให้เธอรู้สึกสบายใจในการแสดงตนของฉัน
 
 N: แล้วจะเป็นยังไงถ้าผมไม่มีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับรูปลักษณ์ของพระเจ้า?
 
 G: ถ้าเป็นเช่นนั้น ฉันจะเป็นความรู้สึก ฉันจะเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่เธอเคยมี มันจะรู้สึกราวกับว่าเธอถูกแช่อยู่ในแสงอาบอบอุ่น ราวกับว่าเธอกำลังถูกโอบกอดด้วยความรัก
 
 หรือเธออาจรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังถูกห่อหุ้มอยู่ในรังไหม หรือถูกแขวนในภาชนะไร้น้ำหนักที่เรืองแสง ซึ่งเป็นการยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไข เธอจะได้มีประสบการณ์ถึงความรู้สึกแบบเดียวกันนี้ ถ้าฉันปรากฏตัวให้เธอเห็นในรูปลักษณ์ร่างกายก่อน และในที่สุดรูปลักษณ์นั้นจะละลายกลายเป็นความรู้สึก และเธอก็จะไม่ต้องเห็นฉันในรูปลักษณ์หรือรูปแบบใด ๆ อีกต่อไป
 
 แต่ตอนนี้จงจำสิ่งที่ฉันได้พูดไว้ เป็นไปไม่ได้ที่จะตายโดยปราศจากพระเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะคิดว่าเป็นเช่นนั้น เธออาจคิดอะไรก็ได้ที่เธอต้องการในระยะที่สองของความตาย ดังนั้น พลังงานจากแก่นแท้ของฉันอาจอยู่รอบตัวเธอ แต่เธออาจเลือกที่จะมองข้ามมัน มองข้ามประสบการณ์ และเรียกมันว่าภาพหลอน หรือไม่สนใจมันเลย
 
 N: ผมจะไม่ทำอย่างนั้นครับ แต่ทำไมผมถึงทำอย่างนั้นล่ะ?
 
 G: เธอได้ทำมันหลายครั้งในช่วงชีวิตของเธอ อะไรทำให้เธอคิดว่าเธอไม่สามารถทำมันได้หลังจากการตายของเธอล่ะ
 
 N: เพราะผมคงจะรู้มากขึ้นกว่านี้ เมื่อผมตาย ผมหวังว่าผมจะรู้มากขึ้น นอกจากนี้ เมื่อผมตาย พระองค์จะบอกกับผมอย่างชัดเจนว่าพระองค์คือพระเจ้า ผมเป็นคนที่ถูกรัก และประสบการณ์ที่ผมมีเช่นนี้ก็คือพระองค์ พระองค์จะต้อนรับผมกลับบ้าน

 G: ฟังฉันนะ 
 
 ความตายเป็นช่วงเวลาแห่งการสร้างสรรค์ จะมีการปรับพลังงานในช่วงเวลาของสิ่งที่เธอเรียกว่า “ความตาย” ซึ่งจะปรับแต่งพลังงานที่เธอเข้าสู่ช่วงเวลานั้น ทำให้เกิดผลกระทบซ้ำสองในโลกที่ไม่ใช่โลกทางกายภาพที่เธอเพิ่งเข้ามา เพื่อที่เธอจะได้ยังคงมีประสบการณ์ที่เธอสร้างขึ้นแม้ในขณะที่เธอย้ายไปสู่มิติอื่น
 
 (กระบวนการเดียวกันนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เกิด ในทางกลับกัน เมื่อเธอเกิด พลังงานที่เธอนำมาจากมิติวิญญาณที่มากับเธอจะถูกแปลงเป็นสสารด้วยกระบวนการปรับพลังงานนี้ ทำให้เกิดผลกระทบซ้ำสองในโลกทางกายภาพที่เธอเพิ่งเข้ามา)

 จำสิ่งที่ฉันพูดไว้ก่อนหน้านี้: ความตายคือทางเข้าประตู และพลังงานที่เธอเดินผ่านประตูนั้นจะกำหนดสิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของประตู เธอสามารถสร้างสิ่งใหม่ ๆ ได้ทุกเมื่อที่เธอเลือก (เช่นเดียวกับที่เธอทำในชีวิต) แต่ที่นั่นเธอจะพบกับสิ่งที่เธอคาดหวังไว้ตอนแรก 
 
 ถ้าเธอไม่เชื่อในพระเจ้า และเข้าสู่ความตายโดยไม่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าจะอยู่ที่นั่นและเธอจะไม่มีประสบการณ์กับพระเจ้า – มากไปกว่าที่เธอทำในช่วงชีวิตของเธอ
 
 เธอต้องรู้ว่าพระเจ้าสถิตอยู่เพื่อที่จะได้มีประสบการณ์กับพระเจ้าที่สถิตอยู่
 
 ถ้าเธอมองดูดอกไม้และรู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่นั่น เธอจะเห็นพระเจ้าอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่ได้เห็นอะไรมากไปกว่าดอกไม้ เธออาจเห็นแค่วัชพืช
 
 ถ้าเธอมองเข้าไปในตาของคนอื่นและรู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่นั่น เธอจะเห็นพระเจ้าอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เห็นอะไรมากไปกว่ามนุษย์คนอื่น เธออาจเห็นผู้ร้าย
 
 ถ้าเธอส่องกระจกแล้วมองตาของตัวเองและรู้ว่าพระเจ้าอยู่ที่นั่น เธอจะเห็นพระเจ้าอยู่ที่นั่น ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่เห็นอะไรมากไปกว่าคนที่พยายามคิดว่าใครอยู่ที่นั่น เธออาจเห็นคนที่ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนั้นด้วยซ้ำ
 
 N: พระองค์หมายความว่าพระเจ้าไม่ได้ช่วยผมให้หลุดพ้นจาก “การไม่รู้” ของผมเองเหรอครับ?
 
 G: รู้มั้ยว่าพระเจ้ากำลัง “ช่วย” เธอทุกวันให้หลุดพ้นจากการที่เธอไม่รู้ 
 
 N: ผมเดาว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น
 
 G: เธอรู้สึกอย่างนั้นหรือเปล่าล่ะ?
 
 N: บางครั้งครับ

 G: มันก็เหมือนกัน ในขณะที่ผู้คนตายในทันที บางครั้งผู้คนก็รู้ และบางครั้งผู้คนก็ไม่รู้ และเมื่อเธอเชื่ออย่างไร มันก็จะเป็นไปในแบบที่เธอเชื่อ
 
 N: นี่มันอะไรกันครับ ผมคาดหวังมากกว่านี้ ผมคาดหวังว่าพระองค์จะบอกผมว่าการปรากฎตัวของพระเจ้าในชีวิตหลังความตายจะสามารถ “แทนที่” และลบล้างความเชื่อที่ขัดขวางทั้งหมด และเติมเต็มช่วงเวลาด้วยความรุ่งโรจน์อันสมบูรณ์ (Absolute Glory) ได้
 
 G: พระเจ้าจะเติมเต็มช่วงเวลานี้ด้วยความรุ่งโรจน์อย่างแท้จริง เพราะไม่มีอะไรรุ่งโรจน์มากไปกว่าการสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์ และพระเจ้าจะอนุญาตให้เธอสร้างสิ่งที่เธอต้องการในช่วงเวลาแห่งความตายของเธอ
 
 นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะที่สองของความตาย และในระยะที่สาม เธอจะได้รู้ความจริงที่ใหญ่ขึ้นเกี่ยวกับตัวเธอ จากนั้นเธอจะจดจำวิธีสร้างมันอีกครั้ง เพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้าที่เธอกำลังพูดถึง แม้ว่าเธอจะยังคงจินตนาการว่าเธอไม่ใช่พระเจ้า เธอยังสามารถสร้างประสบการณ์อะไรก็ได้ที่เธอต้องการ
 
 ตอนนี้ จงเข้าใจสิ่งนี้: ประสบการณ์หลังความตายแรกสุดของเธอคือสิ่งที่เธอกำลังสร้างที่นี่และตอนนี้ และเธอจะสร้างต่อไปที่นั่นและตอนนั้น ด้วยความคิดของเธอเกี่ยวกับมัน และด้วยความหวังของเธอ
 
 “ความหวัง” นั้นมีบทบาท

 จำสิ่งที่ฉันบอกเธอก่อนหน้านี้ได้ไหม หากเธอหวังให้ใครสักคนมาช่วยเธอมากพอ เธอจะถูกห้อมล้อมด้วยคนที่เธอรักและเทวดา หากเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้พบกับมูฮัมหมัด มูฮัมหมัดจะแนะนำเธอ ถ้าเธอหวังมากว่าพระเยซูจะอยู่ที่นั่น พระเยซูก็จะอยู่ที่นั่น หรือพระกฤษณะ หรือพระพุทธเจ้า หรือเพียงแค่แก่นแท้ของความรักอันบริสุทธิ์ ก็จะอยู่ที่นั่น
 
 ความหวังมีบทบาทที่ยอดเยี่ยมใน “ความตาย” และ “ชีวิต” (แน่นอนว่าทั้งคู่ก็เหมือนกัน) จงอย่าหมดหวัง ความหวังคือคำแถลงความปรารถนาสูงสุดของเธอ มันคือการประกาศความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอ ความหวังคือความคิดที่สร้างจากพระเจ้า
 
 N: โอ้ ช่างเป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยมอะไรอย่างนี้ครับ? ความหวังคือความคิดที่สร้างจากพระเจ้า ช่างเป็นคำพูดที่วิเศษมากจริง ๆ!
 
 G: เพราะเธอชอบคำกล่าวนั้นมาก ดังนั้น นี่คือ “100 คำสูตรเพื่อชีวิตทั้งหมด” ที่ฉันสัญญากับเธอ
 
 N: โอ้ ใช่ครับ มันเป็นหนึ่งในคำสัญญาที่ล่าช้าของพระองค์!
 
 G: ความหวังเป็นประตูสู่ความเชื่อ ความเชื่อเป็นประตูสู่การรู้ การรู้เป็นประตูสู่การสร้างสรรค์ และการสร้างสรรค์เป็นประตูสู่ประสบการณ์
 
 ประสบการณ์เป็นประตูสู่การแสดงออก การแสดงออกคือประตูสู่การเป็น การกลายเป็นเป็นกิจกรรมของทุกชีวิต และเป็นหน้าที่เดียวสำหรับพระเจ้า
 
 สิ่งที่เธอหวัง ในที่สุดเธอก็จะเชื่อ สิ่งที่เธอเชื่อ ในที่สุดเธอก็จะรู้ สิ่งที่เธอรู้ ในที่สุดเธอก็จะสร้าง สิ่งที่เธอสร้าง ในที่สุดเธอจะได้รับประสบการณ์ สิ่งที่เธอได้รับประสบการณ์ ในที่สุดเธอก็จะแสดงออก สิ่งที่เธอแสดงออก ในที่สุดเธอจะกลายเป็น นี่คือสูตรสำหรับทั้งชีวิต

 มันเป็นเรื่องง่ายอย่างนี้แหละ
 
 N: ผมชอบเวลาที่พระองค์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตไปใช้อย่างได้อย่างรวดเร็ว นี่มันคือของขวัญ! กวีอย่างโรเบิร์ต ฟรอสต์ให้ของขวัญชิ้นนั้นแก่เรา รวมถึงนักแต่งเพลง นักเขียนบทละคร ผู้เขียน ผู้ส่งสาร และครูบาอาจารย์ ผมชอบ ลิเซล มูเอลเลอร์ กวีที่แต่งกลอนชื่อ “ความหวัง”
 
 เธอบอกว่าความหวังคือ “การเคลื่อนไหวที่ไหลจากดวงตาไปยังหางของสุนัข” มันไม่ดีใช่มั้ยครับ? แค่นี้ยังจับประเด็นไม่ได้ใช่ไหม? แต่นี่เป็นข้อยกเว้นจากงานใหญ่ของเธอ:
 
ความหวัง…
 
…คือการเคลื่อนไหวที่วิ่ง
ตั้งแต่ตาจนถึงหางสุนัข
มันคือปากที่ขยายปอด
ของเด็กที่เพิ่งเกิด
เป็นของขวัญชิ้นเดียว
เราทำลายตัวเองไม่ได้
ข้อโต้แย้งที่หักล้างความตาย
อัจฉริยะที่คิดค้นอนาคต
ทั้งหมดที่เรารู้เกี่ยวกับพระเจ้า

HOPE…

…is the motion that runs
from the eyes to the tail of a dog,
it is the mouth that inflates the lungs
of the child that has just been born.
It is the singular gift
we cannot destroy in ourselves,
the argument that refutes death,
the genius that invents the future,
all we know of God





 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

(Home with God) บทที่ 13

(Home with God) บทที่ 18

(Home with God) บทที่ 17